สัปดาห์ที่ผ่านมา ‘เครื่องหมายสวัสดิกะ’ กลายเป็นประเด็นในสังคมไทย เนื่องจากมีหนึ่งในสมาชิก BNK48ใส่เสื้อลายธงของนาซีตอนซ้อมแล้วภาพนี้ก็ออกสื่อไปทั่ว จนกลายเป็นเรื่องเป็นราวว่า สิ่งนี้เหมาะสมหรือไม่อย่างไร ซึ่งต่างฝ่ายก็ต่างแรงใส่กัน ในท้ายที่สุดก็จบด้วยดี โดยทั้งสถานทูตอิสราเอลและเยอรมันก็ออกมาเชิญไปพูดคุย ช่วยสร้างความรู้ให้สังคมได้อีกทาง และจริงๆ แล้ว เรื่องสวัสดิกะและนาซีก็มักออกมาแบบผิดที่ผิดทาง ซึ่งบ้านเราก็มีข่าวแบบนี้มาให้เห็นอีกเรื่อยๆ ถ้าใครตามข่าวหน่อยคงจำได้ ซึ่งจริงๆ จะมองว่าสาเหตุเป็นเพราะการศึกษาของบ้านเราก็ว่าได้เช่นกัน
แต่ในขณะเดียวกัน ช่วงปีสองปีที่ผ่านมา ‘สวัสดิกะ’ ก็กลายมาเป็นประเด็นในสังคมญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน แต่ไม่ใช่เรื่องเดือดดาลแบบบ้านเรา แต่เป็นเรื่องของการปรับตัวเข้ากับโลก และภาษาสมัยใหม่ของวัยรุ่น
ถ้าเราเอาเครื่องหมายสวัสดิกะไปถามชาวญี่ปุ่น น้อยคนที่จะตอบว่ามันคือเครื่องหมายของนาซี เพราะสำหรับชาวญี่ปุ่นแล้ว มันคือเครื่องหมายแสดงสัญลักษณ์ของ ‘วัดพุทธ’ ในแผนที่ของญี่ปุ่นนั่นเอง ที่โรงเรียนญี่ปุ่นเขามีการสอนวิชาภูมิศาสตร์ในหลักสูตร ซึ่งการอ่านแผนที่ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องเรียน แล้วก็ต้องจำสัญลักษณ์ต่างๆ และคนที่ผ่านระบบนี้มา ก็ชินกับเครื่องหมายสวัสดิกะว่าเป็นตัวแทนวัดพุทธกันนี่ล่ะครับ
จริงๆ แล้ว สวัสดิกะที่มาจากภาษาสันสกฤต ทางญี่ปุ่นเขาเรียกว่า ‘มันจิ’ ซึ่งก็รับช่วงมาจากภาษาจีนอีกที เป็นสัญลักษณ์มงคลที่มีมาช้านานในวัฒนธรรมทางเอเชียของเราครับ ไม่แปลกอะไรที่จะอยู่คู่กับวัฒนธรรมจีนและญี่ปุ่นมาตลอด เป็นสัญลักษณ์แทนการเวียนว่ายตายเกิด แล้วก็เป็นสัญลักษณ์ที่จะพบได้ที่พระอุระของพระพุทธรูปต่างๆ ตัวอย่างเช่น พระยูไล ที่เรามักจะคุ้นชื่อจากไซอิ๋วนี่ล่ะครับ พระพุทธรูปจะมีสวัสดิกะอยู่ที่พระอุระเสมอ
ดังนั้นเมื่อกำหนดสัญลักษณ์ในแผนที่เขาจึงเลือกใช้สัญลักษณ์สวัสดิกะแทนเครื่องหมายของวัดเพราะเป็นสัญลักษณ์มงคลของพุทธศาสนานิกายมหายานนั่นเองครับ และไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะยังมีตราประจำตระกูลญี่ปุ่น ที่มีลวดลายเป็นลายมันจิสวัสดิกะ ทั้งแบบสี่เหลี่ยมด้านเท่าแบบตัวอักษรตรงๆ หรือแบบที่บิด45 องศา แล้วทำเป็นตัวทึบ หรือแบบที่กดลงให้คล้ายทรงขนมเปียกปูนก็มี
ดังนั้น สำหรับชาวญี่ปุ่น คนทั่วไปเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่มองว่าเป็นสัญลักษณ์ของวัด หรือไม่ก็อักษรตัวหนึ่ง
ไม่ได้มีความรู้สึกต่อต้านอะไร
เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่แน่ใจว่าเพราะญี่ปุ่นอยู่ฝ่ายอักษะหรือเปล่า เวลาสอนประวัติศาสตร์อาจจะเลี่ยงแตะเรื่องของนาซีให้ลึก และไม่ได้สอนถึงภาพลักษณ์ที่ติดลบของสวัสดิกะ เขาเลยรู้สึกเฉยๆ จะสังเกตได้ว่า มีการใช้อักษรตัวนี้ในชื่อต่างๆ ตั้งแต่ตัวละครในมังงะเรื่อง ‘โรงเรียนลูกผู้ชาย’ ที่มีตัวละครชื่อ มันจิมารุ (卍丸) อยู่ในเรื่อง ผมมารู้ว่าใช้อักษรตัวนี้ก็ตอนได้มาอ่านเรื่องนี้เวอร์ชั่นญี่ปุ่นตอนโตนี่ล่ะครับ แล้วก็มีนักมวยปล้ำญี่ปุ่นที่เอาชื่อนี้ไปใช้เช่นกัน
นอกจากนี้ในเรื่อง ‘เรียกเขาว่าอีกา’ ก็มีแก๊งซิ่งที่ใช้ชื่อ 卍帝國 หรือ จักรวรรดิสวัสดิกะ ก็ไม่แน่ใจว่าเขาต้องการให้ภาพลักษณ์ออกมาดูโหดเลยเลือกใช้ตัวอักษรนี้หรือไม่ (แต่แก๊งนี้น่าจะอ้างอิงจากแก๊ง Black Emperor แก๊งซิ่งที่โด่งดังในอดีตจริงๆ) ส่วนเรื่อง Bleach ที่เวลาตัวละครใช้พลัง ‘บังไค’ ปลดปล่อยขั้นสุดท้าย ที่ไทยก็แปลว่า ‘ปลดปล่อยสวัสดิกะ’ เพราะมันคือการประกบกันของคันจิสองตัวคือ 卍解 มันจิ และอักษรที่แปลว่า ปลดปล่อย คนไทยก็เลยแปลตามนั้น (ซึ่งความตั้งใจของคนเขียนน่าจะหมายถึงการปลดปล่อยที่สมบูรณ์แบบตามวัฏจักรในความหมายทางศาสนา)
ไหนๆ ก็พูดถึงมวยปล้ำไปแล้ว หนึ่งในท่าไม้ตายของ อันโตนิโอ อิโนกิ นักมวยปล้ำระดับตำนานของญี่ปุ่นที่เรียกว่าท่า ‘อันโตนิโอ สเปเชียล’ ก็เป็นท่าที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า ‘มันจิ กาตะเมะ’ หรือท่าล็อคสวัสดิกะ เพราะว่าเวลาใช้ท่านี้แล้ว ท่าทางของนักมวยปล้ำจะดูเหมือนตัวอักษรสวัสดิกะ แต่เพราะอิโนกิทำท่านี้ได้สวยมากจึงได้ชื่อเป็นท่าของตัวเองไป ซึ่งก็น่าสนใจเพราะอังกฤษก็ไม่ได้เรียกว่าสวัสดิกะอะไร แต่เรียกว่า ‘Octopus Hold’ ก็เลยไม่แปลกใจที่จะบอกว่า คนญี่ปุ่นไม่ได้รู้สึกเชิงลบอะไรกับสัญลักษณ์นี้เลย
ยิ่งในปัจจุบันตัวอักษร 卍 ก็กลายมาเป็นตัวอักษรฮิตในหมู่วัยรุ่นสาวๆ ญี่ปุ่นไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะกลายเป็นอักษรที่ใช้ในการแชตไลน์กันอย่างหนัก ความหมายน่ะเหรอครับ ขนาดคนญี่ปุ่นเขายังอธิบายชัดๆ ไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ใช้ในความหมายแบบว่า ‘แย่ละ’ ‘ซวยละ’ ‘โคตรๆ’ หรือ ‘สุดๆ เลย’ ก็ได้เช่นกัน บางทีก็เอาไว้ใช้เวลารู้สึกพีคๆ หรือเอาไว้ใช้ดักคอคู่สนทนาที่กำลังเหลิงก็ได้ เรียกได้ว่าไม่ได้มีความหมายอะไรชัดเจน แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้เป็นชุดคำว่า マジ卍 มะจิมันจิ คำว่า ‘มะจิ’ ตัวนี้ก็แปลว่า ‘สุดๆ’ จริงๆ
ที่มาของการเริ่มใช้ก็อาจจะเป็นการต้องการใช้คำพูดติดปากแบบไม่มีเหตุผลก็ได้ เพราะเสียงมันคล้ายกัน เท่าที่ไล่ดูว่าทำไมถึงฮิตได้ ก็มีหลายทาง ตั้งแต่มาจาก Vine ของคนที่ดังในวงการ Vine คนหนึ่ง หรืออาจมาจากการที่ Fujita Nicole นางแบบสาวยอดฮิตในหมู่สาวมัธยมใช้คำนี้บ่อยในทีวีเลยฮิตตามกัน คนก็เลยใช้ตามกันต่อ บางทีก็ส่งมันจิกันรัวๆ แบบแชตกันว่า 卍卍卍卍卍卍卍卍卍卍卍卍卍 และขอพาดพิงวงการมวยปล้ำอีกครั้ง เพราะหนึ่งในอีเวนต์ของค่าย DDT ที่ขึ้นชื่อเรื่องเอาฮา ก็ตั้งชื่ออีเวนต์มวยปล้ำว่า Maji Manji นี่ล่ะครับ ตัวมันจิขึ้นชื่ออีเวนต์หราเลย ถ้าชาวยิวหรือชาวยุโรปมาเห็นอาจจะช็อกเอาได้
ซึ่งเอาจริงๆ ถ้าสังเกตหน่อย สวัสดิกะมันจิของญี่ปุ่น
ก็ไม่เหมือนสวัสดิกะของนาซีนะครับ
เอาง่ายๆ เลยก็คือวนคนละทางนั่นล่ะครับ
นี่ก็เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายคนมองข้าม ยิ่งหลายต่อหลายคนที่อาจจะไม่ได้รู้ความหมายดั้งเดิมของสวัสดิกะก่อนที่ฮิตเลอร์จะเอาไปดัดแปลงใช้เป็นสัญลักษณ์นาซี พอเห็นตัวอักษรมันจิ ก็ปรี๊ดขึ้นทันที เฮ้ย บูชานาซีเหรอ เอาจริงๆ ตอนผมไปอยู่ญี่ปุ่นใหม่ๆ ก็ไม่ต่างกันครับ เปิดแผนที่เจอมันจิเข้าไปก็งง เฮ้ย มีสำนักงานสาขานาซีเหรอวะ ก็ได้เพื่อนญี่ปุ่นช่วยอธิบายให้ฟังนั่นล่ะครับ
ซึ่งพอญี่ปุ่นกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกในปีค.ศ. 2020 ที่จะถึง เขาก็ถกกันเรื่องการสังคายนาสัญลักษณ์ต่างๆ ในแผนที่ใหม่ เพื่อให้ชาวต่างชาติเข้าใจได้มากยิ่งขึ้นด้วย เพราะหลายๆ สัญลักษณ์นั้นก็ออกแบบมาเพื่อชาวญี่ปุ่น ตัวอย่างเช่น 〒 ที่ถ้าคนไม่รู้จะทราบไหมว่าหมายถึงที่ทำการไปรษณีย์ หรือ โรงแรม ที่ใช้ตัว H ใหญ่อยู่กลางวงกลม ก็ชวนสับสนกับลานจอดเฮลิคอปเตอร์เสียมากกว่า
และหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ถกกันว่าควรเปลี่ยนหรือไม่ ก็คือตัวอักษรมันจิ 卍 แทนวัดนี่ล่ะครับ เพราะเขาก็กลัวว่า ชาวต่างชาติมาเห็นแล้วจะเข้าใจผิดหรือทำให้เขาเสียใจได้ เลยจะเปลี่ยนเป็นเครื่องหมาย เจดีย์ทรงญี่ปุ่น แทน แต่เรื่องนี้เห็นคุยในปี 2016 ก็ไม่มีความคืบหน้า ซึ่งอาจจะไม่เปลี่ยนก็ได้นะครับ เพราะว่าเปลี่ยนทีก็เรื่องใหญ่ไม่เบา นอกจากจะต้องทำแผนที่ใหม่แล้วยังต้องไปชำระหลักสูตรกันอีก
ถึงตรงนี้ก็เลยกลายมาเป็นเรื่องน่าสนใจว่า ไม่ใช่แค่ว่า ‘มันจิ’ กับ ‘สวัสดิกะ’ ต่างกันแค่ไหน แต่ยังรวมไปถึงการที่ตัวอักษรที่มีความหมายดีแต่กลับถูกนำไปบิดเบือนจนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความเกลียดชังไป และยิ่งพอมาถึงยุคปัจจุบัน ความหมายที่ถูกบิดเบือนนั้นมีชื่อเสีย (ง) จนไปทับเอาความหมายดีๆ ของเดิมไปอีก กลายเป็นว่า ประเทศที่ใช้มาก่อนกลับอาจจะต้องยอมเปลี่ยนเพื่อ ‘ปรับตัว’ ให้เข้ากับโลกแทน มันก็น่าคิดดีว่า เขาควรเปลี่ยน รวมถึงอธิบายให้ชาวญี่ปุ่นกันเองเข้าใจถึงความหมายแง่ลบที่ถูกสร้างชึ้นใหม่ หรือ จริงๆ แล้วควรจะเผยแพร่ความรู้ให้ชาวโลกรู้ว่า สำหรับชาวพุทธศาสนาแล้ว เครื่องหมายนี้ มันมีความหมายมงคลเช่นไร ซึ่งนี่ก็อาจไม่ต่างอะไรกับเหรียญที่มีสองด้านครับ
อ้างอิงข้อมูลจาก