ต้นปีนี้คุณเช็กดวงแล้วหรือยัง? ในตำราการเช็กว่าใครโชคดีระดับไหนตามแนวทางของญี่ปุ่น มีทั้งการแบ่งตามราศีที่เกิดและกรุ๊ปเลือด เช่น ปีนี้ราศีเมถุนที่มีเลือดกรุ๊ป O นั้นดวงดีเป็นอันดับ 1 ซึ่งก็จะไล่ลำดับความโชคดีลงไปเรื่อยๆ จนถึงลำดับที่ 48 นั่นก็คือชาวราศีมีนผู้มีเลือดกรุ๊ป B
การดูดวงแบบญี่ปุ่นทำให้นึกได้ว่า เราเองก็เคยมีกระแสเรื่องกรุ๊ปเลือดกับลักษณะนิสัย ที่ยุคหนึ่งเราอาจจะนึกถึงภาพตัวการ์ตูนที่ใส่หน้ากากเป็นตัวอักษรแทนเลือดกรุ๊ปต่างๆ แต่ละกรุ๊ปเลือดก็มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันไป สำหรับชาว AB แบบผู้เขียนก็อาจค่อนไปทางคนแปลกๆ หน่อย เป็นพวกมีความสุขกับตัวเอง กรุ๊ป A คือคนเจ้าระเบียบ กรุ๊ป B มักใส่ใจคนอื่นและทำงานเป็นทีมได้ดี
เชื่อว่าทุกวันนี้เราเองก็อาจจะยังมีความเชื่อเล็กๆ ในการนิยามว่า เราเป็นคนแบบนี้ เพราะเป็นคนกรุ๊ปเลือดนี้ แต่ในแง่วิทยาศาสตร์ กรุ๊ปเลือดบอกนิสัยค่อนข้างไม่ได้รับการยอมรับ เพราะไม่มีหลักฐานยืนยันความเชื่อมโยงของหมู่เลือดกับตัวตนของคนนั้นๆ กรุ๊ปเลือดบอกนิสัยจึงเป็นเรื่องของการตีความ และอาจค่อนไปทางโหราศาสตร์มากกว่า
ทว่าความน่าสนใจของความเชื่อเรื่องกรุ๊ปเลือดซึ่งมีที่มาจากประเทศญี่ปุ่น ตัวทฤษฎีเองถูกคิดขึ้นในกรอบที่เชื่อมโยงกับวิทยาศาสตร์และความรู้ทางการแพทย์ โดยมีงานวิจัยที่ชี้ประเด็นและอธิบาย โดยการเชื่อมโยงศาสตร์โบราณเข้ากับความรู้เกี่ยวกับเม็ดเลือด รวมถึงความเชื่อเรื่องหมู่เลือดในญี่ปุ่นเอง ยังเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่ส่งผลกับมุมมองโลก ไปจนถึงโลกของการทำงานทำการ
นิสัย สุขภาพและของเหลวในร่างกาย
ทฤษฎีกรุ๊ปเลือดบอกนิสัย หรือ Ketsueki-gata เริ่มอย่างเป็นรูปธรรมในญี่ปุ่นช่วงทศวรรษ 1930 จากการตีพิมพ์งานวิจัยเรื่องการศึกษาเรื่องนิสัยใจคอและหมู่เลือด ของศาสตราจารย์โทเคจิ ฟุรุคาวะ (Tokeji Furukawa) ในวารสารจิตวิทยาเชิงสังคม
ข้อเสนอและการศึกษาของศาสตราจารย์มีวิธีคิดที่น่าสนใจคือ เขาเชื่อมโยงความคิดดังกล่าวกลับไปยังความเชื่อทางการแพทย์แบบกรีก ซึ่งเป็นหลักการแพทย์คลาสสิกที่ภายหลังมีอิทธิพลต่อเนื่องในยุคกลาง โดยเชื่อว่ามนุษย์เรามีของเหลว 4 สี (humourism) ไหลเวียนอยู่ นั่นก็คือ เลือด น้ำดีสีเหลือง น้ำดีสีดำ และเสมหะ ซึ่งเชื่อว่าสุขภาพและนิสัยของผู้คนมาจากการมีของเหลวทั้ง 4 ชนิดนี้มากหรือน้อย
ตัวอย่างเช่น การเป็นคนมีความสุข สดใส แอ็กทีฟเกิน คือคนที่มีเลือดมาก ทุกวันนี้ภาษาอังกฤษก็มีคำว่า sanguine ใช้อธิบายคนที่สดใส ซึ่งเป็นคำเดียวกันกับการนิยามคนที่มีเลือดมาก ในขณะที่คนที่มีเสมหะมากจะมีลักษณะสงบ (phlegmatic) หรือคำที่เราได้ยินบ่อยๆ คือเป็นคนโศกเศร้า หรือ melancholic ด้วยเชื่อว่ามีน้ำดีสีดำ (black bile) มากเกินไป
กลับมาที่งานวิจัย ศาสตราจารย์ยังได้อธิบายสิ่งที่ฟังดูวิทยาศาสตร์ว่า เลือดของเราที่แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม มีผลเฉพาะต่อบุคลิกของแต่ละคน โดยอ้างอิงจากมิติทางการแพทย์ที่ว่าเลือดแต่ละหมู่จะมีลักษณะจำเพาะ เช่น แอนติเจน โมเลกุลบนพื้นผิวของเลือด ในงานศึกษานี้ได้ทำแผนผังลักษณะนิสัยเข้ากับการจัดสถิติจากกลุ่มตัวอย่าง แต่งานชิ้นนี้ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ใช้กลุ่มตัวอย่างเพียง 20 คน ซึ่งเป็นการสรุปตีความของกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็ก และค่อนไปทางการตีความแบบเหมารวมมากจนเกินไป
แม้ว่างานศึกษาแรกจะเริ่มถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสนใจ ไปจนถึงความเชื่อเรื่องกรุ๊ปเลือดในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ซึ่งทั้งก่อให้เกิดงานศึกษาต่อเนื่อง เกิดกิจการ และแพร่กระจายเป็นวัฒนธรรมร่วมหนึ่งของเอเชียของเรา ตัวอย่างความสนใจเรื่องหมู่เลือดและนิสัยหนึ่งคือ ในปี 1849-1850 พบการเผยแพร่งานศึกษาว่าด้วยหมู่เลือดและนิสัยมากถึง 200 บทความ
เพราะเลือดกรุ๊ปบีรึเปล่า
สำหรับปี 2025 ด้วยเจนเนอเรชั่นปัจจุบันอาจจะไม่ค่อยนิยามตัวตนด้วยกรุ๊ปเลือดเหมือนคนเจนวายมากนัก แต่เมื่อพูดถึงกรุ๊ปเลือดกับนิสัยแล้ว เราก็จะขอสรุปภาพรวมของแต่ละหมู่เลือดไว้ คือ เลือดกรุ๊ป A ที่ถือว่ามีราว 40% ของประชากรญี่ปุ่น ในทฤษฎีพบว่า คนเลือดกรุ๊ป A จะมีลักษณะเจ้าระเบียบ เป็นคนที่ทำอะไรเรียบร้อย เป็นพวกเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ เป็นคนอ่อนไหว อดทน มีความรับผิดชอบ ในขณะเดียวกันก็ขี้กังวลและดื้อ
กรุ๊ป B คิดเป็นราว 20% ของประชากรญี่ปุ่น ในทฤษฎีพบว่า จะมีลักษณะค่อนไปทางติส เป็นคนช่างฝัน ชอบอิสระ เห็นอกเห็นใจ บางครั้งเลยถูกมองว่าเอาแต่ใจตัวเอง ไม่รับผิดชอบ และแปลก ในแง่นี้คนกรุ๊ป B ค่อนข้างข้างตรงข้ามกับคนกรุ๊ป A จึงมักจะทะเลาะกันอยู่เรื่อย
กรุ๊ป AB คิดเป็นราว 10% ของประชากรญี่ปุ่น ในทฤษฎีพบว่า คนกรุ๊ปนี้นับเป็นพวกแปลกประหลาด เป็นพวกเข้าใจยาก มีโลกส่วนตัว มีความคิดเป็นของตัวเอง มีเหตุผล ปรับตัวเก่ง แต่ก็อาจเป็นพวกที่ไม่ค่อยตัดสินใจ ช่างวิจารณ์ ลึกลับ และเข้าใจยาก
กรุ๊ป O คิดเป็น 30% ของประชากรญี่ปุ่น ในทฤษฎีพบว่า คนกรุ๊ป O นับเป็นพวกที่อยู่กับความจริง มั่นใจ เป็นพวกปฏิบัตินิยม มองโลกในแง่ดี แต่บางทีก็ถูกมองว่าเอาตัวเองเป็นใหญ่จนเกินไป แถมยังเย็นชาและบ้างาน
ถ้าเราพูดกันอย่างจริงจัง เรื่องหมู่เลือดในปัจจุบันถือเป็นเรื่องบันเทิงอย่างหนึ่ง แต่ในช่วงหนึ่งของญี่ปุ่นเองก็ถือเป็นเรื่องจริงจัง เพราะมีการนำมาเป็นเกณฑ์ต่อการกำหนดตำแหน่งในพื้นที่การทำงาน มีการจับคู่ตามความเหมาะสม เช่น ความรัก มีกระทั่งการบูลลี่กันอันมาจากอคติต่อหมู่เลือดของคนคนนั้น แต่ภายหลังถือว่าไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์หรือสถิติมารองรับอย่างเป็นทางการ บางการศึกษาก็บอกว่า กรุ๊ปเลือดกับความสำเร็จทางความสัมพันธ์ของคู่รักนั้น หมู่เลือดไม่ได้มีผลอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม ในทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ หมู่เลือดหรือคนกรุ๊ปเลือดต่างๆ มีความแตกต่างทางสุขภาพอยู่บ้าง เช่น คนกรุ๊ปเลือด A มีแนวโน้มที่จะถูกยุงกัดน้อยที่สุด เพราะยุงจะดึงดูดโดยคนเลือดกรุ๊ป A น้อย ส่วนยุงจะชอบคนเลือดกรุ๊ป O มากที่สุด แต่มีโอกาสเสียชีวิตจากมาลาเรียต่ำที่สุด คนกรุ๊ป B มักพบว่ามีแบคทีเรียตัวดีสูงกว่าเพื่อน ทั้งนี้ยังพบว่า บางกรุ๊ปเลือดมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งบางจำพวก ที่บางกรุ๊ปเลือดอาจมีแนวโน้มมากกว่า ไปจนถึงสัดส่วนการเกิดโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ
ประเด็นเรื่องกรุ๊ปเลือดและลักษณะนิสัยจึงเป็นอีกหนึ่งความรู้ การตีความโลก ซึ่งมาจากพื้นที่ทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่ได้รับการยอมรับทางวิทยาศาสตร์ เป็นอีกหนึ่งแนวทางความสนุกที่จะบอกว่า เราเป็นคนกรุ๊ปเลือดนี้ มีนิสัยแบบนี้ ซึ่งการตีความนี้อาจเป็นการตีความภาพรวมนิสัยแบบกว้างๆ โดยเราก็อาจจะรู้สึกว่าแม่นอยู่พอสมควร พอเราเชื่อว่าเราเป็นคนกรุ๊ปเลือดนี้ พอเราทำอะไรก็อาจจะมีแนวโน้มที่จะตีความสิ่งต่างๆ ให้เข้ากับความเชื่อของเรา
สุดท้ายนี้ เรื่องกรุ๊ปเลือดก็เป็นอีกหนึ่งกระแสที่มาจากความสนใจของชาวญี่ปุ่น จนขยายไปสู่พื้นที่เอเชีย และขยายมาที่บ้านเราด้วย แง่หนึ่งก็เป็นการตีความนิสัย เป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ และอาจเป็นการทำความเข้าใจพฤติกรรมของเราเอง
อ้างอิงจาก