อาชีพในฝัน เป้าหมายแรกๆ ในชีวิตเด็กน้อยไม่เดียงสา เมื่อถูกถามถึงวันข้างหน้าว่าอยากทำอะไร กริยาทำที่ว่านั้นไม่ได้หมายถึง กิน นอน ยืน เดิน แต่หมายถึงการประกอบอาชีพที่จะกำหนดทิศทางชีวิตของเราต่อไปในอนาคต ว่าเราจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหน รายได้เท่าไหร่ ต้องหาความรู้ด้านไหนจึงจะสอดคล้องกับอาชีพนั้น
แม้ตอนเด็กเราจะไม่ได้นึกคำตอบซับซ้อนขนาดนั้น เราตอบในสิ่งที่เคยเห็น ในสิ่งที่พ่อแม่บอกเล่า หรือสิ่งที่อยากจะลองเป็น แต่ยังไงมันก็จะมีภาพในจินตนาการเกิดขึ้น ชีวิตของเราในชุดนักดับเพลิงจะเท่ระเบิดขนาดไหนกันนะ เป็นตำรวจแล้วจะสมาร์ทเหมือนผู้กองในละครหรือเปล่า คำถามนั้นเร่งเร้าให้เตรียมภาพในอนาคตกันตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ
พอถึงวันที่เราต้องเลือกว่าอยากทำอะไรจริงๆ อาชีพในฝันนั้นอาจจางหายไป เงื่อนไขหลายประการในชีวิตคัดกรองจนเหลือแต่เพียงอาชีพที่เป็นไปได้ เราอาจเลือกบนความเป็นไปได้ มองหาอาชีพที่หล่อเลี้ยงชีวิตเราได้ มองหาอาชีพที่สอดคล้องกับทักษะที่เรามี หรือเราอาจจะไม่ยอมแพ้ต่อเงื่อนไขเหล่านั้น แล้วเลือกเส้นทางที่สร้างคุณค่ากับชีวิตให้จนได้ วันนั้นแหละ อาจเป็นวันที่เราได้คำตอบว่าเรามองอาชีพมีความหมายอย่างไรกับชีวิต
บางวันเราตื่นมาพร้อมความรู้สึกว่างานที่รักนักหนากลับเป็นภาระที่ต้องทำเพื่อความอยู่รอด แต่บางวันงานที่เป็นเพียงรายได้เพื่ออยู่รอด กลับเติมเต็มความสุขล้นปรี่ในใจ ไม่ว่าจะเคยมีมุมมองต่องานแบบไหน The MATTER ชวนสำรวจประเด็นงานมีความหมายอย่างไรกับชีวิต และชีวิตกำลังแสวงหาอะไรในหน้าที่การงาน

งานสร้างความหมายใดให้ชีวิต
ความพยายามในการค้นหาความหมายจากร่องรอยต่างๆ ในชีวิต ก่อให้เกิดแนวคิดมากมายบนโลก รวมถึง ‘Logotherapy’ ของ วิกเตอร์ แฟรงเคิล (Viktor Frankl) นักจิตบำบัดชาวออสเตรีย ได้เสนอว่า มนุษย์ถูกขับเคลื่อนด้วยความปรารถนาที่จะหาความหมายในชีวิต (will to meaning) มากกว่าความสุขหรืออำนาจ โดยแนวคิดนี้ถูกคิดค้นเพื่อเป็นวิธีบำบัดผ่านการค้นหาความหมายในชีวิต
พื้นฐานแนวคิดนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การแสวงหาความหมายในชีวิตของมนุษย์ โดยเขามองว่าการดำรงอยู่ของเรานั้นประกอบไปด้วย 3 แนวคิดหลัก ได้แก่
- อิสรภาพแห่งเจตจำนง (freedom of will) อิสระในการตัดสินใจและสามารถกำหนดจุดยืนของตนเองต่อเงื่อนไขภายในและภายนอก
- เจตจำนงสู่ความหมาย (will to meaning) แรงจูงใจหลักในการดำรงชีวิตของเราคือความปรารถนาที่จะค้นหาความหมายของชีวิต
- ความหมายในชีวิต (meaning in life) มองว่าชีวิตมีความหมายในทุกสถานการณ์ และถูกค้นพบผ่านการเชื่อมโยงกับบางสิ่งที่เหนือกว่าและยิ่งใหญ่กว่าตนเอง

แนวคิดหลักของเขาสะท้อนว่าเราจะต้องมีอิสระในการตัดสินใจ เลือกเส้นทางเดินชีวิตของตนเอง เมื่อยืนอยู่บนเส้นทางที่เราเลือกแล้ว หมุดหมายต่อไปในชีวิตคือการค้นหาความหมายในชีวิตนั้น เขาไม่ได้บอกให้ควานหาเอาเองเสียที่ไหน ยังเสนอวิธีหาความหมายที่ว่านั้นไว้ 3 วิธี ดังนี้
- สร้างสรรค์ (Creations) การทำบางสิ่งที่มีคุณค่า เช่น การทำงาน สร้างผลงาน หรือมอบสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นเหมือนสิ่งที่เรามอบให้โลกใบนี้
- สัมผัสประสบการณ์ (Experiences) พบเจอสิ่งสวยงาม ความรัก หรือการสัมผัสความงดงามของธรรมชาติและศิลปะ เป็นเหมือนสิ่งที่โลกนี้มอบให้เรา
- ทัศนคติต่อความทุกข์ (Attitudes) แม้อยู่ในสถานการณ์เผชิญกับความทุกข์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เรายังสามารถเลือกทัศนคติได้ เช่น การอดทน การมองความทุกข์เป็นสิ่งท้าทายเพื่อยกระดับชีวิต
จะเห็นได้ว่า ‘การสร้างสรรค์ (Creations)’ ตามแนวคิดของแฟรงเคิลนั้น รวมไปถึงการทำงาน ที่ย้ำเตือนว่า เราได้มอบอะไรบางอย่างให้กับโลกใบนี้แล้ว ด้วยความสามารถ ด้วยแรงกาย แรงใจ ผ่านการสร้างสรรค์ด้วยมือเรา สำหรับบางคนงานเป็นเส้นทางที่ชัดที่สุดในการสร้างความหมาย เช่น ครูที่เห็นศิษย์เติบโต แพทย์ที่รักษาชีวิต หรือแม้แต่นักคิดทั้งหมายที่ฝากความคิดของตนไว้กับผู้อ่าน
งานจึงอาจเป็นอีกสิ่งที่มอบความหมายให้ชีวิตเราได้ ตราบใดที่เราตระหนักถึงคุณค่าในสิ่งที่เราทำ และมอบให้กับโลกใบนี้

ชีวิตมีความหมายด้วยการลงมือทำ
ฮันนา อาเรนท์ (Hannah Arendt) นักประวัติศาสตร์และนักปรัชญาชาวเยอรมัน-อเมริกัน ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการกระทำของมนุษย์ ผ่านหนังสือ The Human Condition นิยามคำว่า vita activa ว่า “ชีวิตมนุษย์มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง” ชี้ให้เห็นว่าเราไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เพียงแค่นั่งครุ่นคิด เรายังลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วย แต่กิจกรรมของมนุษย์มีความหลากหลาย ดังนั้นเพื่อทำความเข้าใจความหลากหลายนี้ อาเรนต์จึงแบ่งกิจกรรมนี้ออกเป็นสามประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
- Labor
ไม่ได้หมายถึงการออกไปทำงานใช้แรงงานเสียทีเดียว แต่หมายถึงการใช้แรงของเราเพื่อตอบสนองต่อความต้องการพื้นฐาน อย่าง การรู้จักหาอาหารเมื่อหิวโหย หาที่ปลอดภัยอาศัย เป็นเหมือนดิ้นรนเพื่อตอบสนองความต้องการทางชีวภาพ และจุดนี้เองที่ทำให้เราไม่มีทางเป็นอิสระ เพราะความต้องการเหล่านี้จะยังคงอยู่ตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่ และเราจะต้องใช้แรงงานของเราเพื่อตอบสนองความต้องการนั้นนั่นเอง - Work
เมื่อเราใช้ชีวิตตอบสนองต่อความต้องการพื้นฐานของเราเพียงพอแล้ว ก้าวต่อไปจึงเป็นการสร้างบางสิ่งบางอย่าง ที่จะยังคงดำรงอยู่ต่อไปในโลก จากเดิมที่เราใช้ชีวิตตามความต้องการไปเรื่อยๆ วนเป็นวงกลม แต่การทำงานเป็นการวางแผนที่มุ่งเป้าหมายสำหรับอนาคต เปลี่ยนชีวิตเราเป็นเส้นตรง ไม่ใช่แค่เพื่อตอบสนองความต้องการ แต่เพื่อสร้างแรงกระเพื่อม สร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตาม - Action
ชีวิตที่มีแต่การทำงานเพื่อตัวเรา แม้จะเป็นเส้นตรง แต่ก็อาจจะเป็นเส้นตรงที่แข็งทื่อจนน่าเบื่อ ความท้าทายต่อไปของเราคือ action ว่าด้วยการอยู่ร่วมกันในสังคม เมื่อเรามารวมตัวกันในสังคมกับผู้อื่น โดยแต่ละคนล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เราจึงต้องพยายามหาวิธีปรับเปลี่ยนโลกที่เราแบ่งปันร่วมกัน อย่างเรื่องของสังคม การเมือง บรรทัดฐานต่างๆ

ลองนึกภาพตามไปทีละขั้น จากแนวคิดว่านี้ เราไร้อิสระต้องแสวงหาสิ่งต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการทางร่างกาย เมื่อเราทำงาน เราก็ได้ปลดปล่อยตัวเองจากความต้องการเหล่านี้ในระดับหนึ่ง ด้วยการลุกขึ้นมาทำอย่างอื่นนอกจากเพื่อความต้องการของตัวเองเพียงอย่างเดียว อย่างการเปลี่ยนแปลงโลก ถึงอิสรภาพของเราจะถูกจำกัดไว้ แต่ในฐานะส่วนหนึ่งของโลก เราจึงต้องลงมือปรับเปลี่ยน สร้างสรรค์โลกที่เราแบ่งปันร่วมกันขึ้นมาใหม่
การประกอบอาชีพตามแนวคิดของเอรอนท์ จึงเป็นเหมือนการพาตัวเองออกจากการใช้ชีวิตตามความต้องการพื้นฐาน ไปสู่การลงมือทำงาน สร้างสรรค์ ทิ้งสิ่งใดสักอย่างไว้ให้กับโลกใบนี้ ไม่ว่างานนั้นจะเป็นเรื่องเล็กน้อย เปลี่ยนแปลงเพียงผืนดิน ผืนหญ้า ใบไม้เพียงใบเดียว ก็ยังนับว่าโลกนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้ว
เราใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตไปกับการทำงาน งานที่เราทำทุกวันนั้น ความหมายของงานอาจไม่ใช่เพียงค่าตอบแทนหรือหน้าที่ หากแต่มันสัมพันธ์กับการที่เรารู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า ได้พัฒนา และได้ส่งบางสิ่งกลับคืนสู่สังคม
ถึงตรงนี้แล้ว ทุกคนมองงานของตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง? อาจมองว่าเราเหมือนซิซิฟัส (Sisyphus) กษัตริย์เจ้าเล่ห์ที่ถูกเทพเจ้าลงโทษให้กลิ้งก้อนหินขึ้นภูเขาไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ หรือมองว่าตนได้ทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้บนภูเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกวัน และภาคภูมิกับร่องรอยเหล่านั้นที่มาจากฝีมือของเราเอง
อ้างอิงจาก
The Viktor E. Frankl Institute of America
VFI / Logotherapy and Existential Analysis