1. Swiss Army Man เป็นหนังที่มีพล็อตประหลาดทีเดียวครับ เริ่มกันง่ายๆ เลยคือมันเริ่มต้นที่แฮงค์ (พอล ดาโน่) ชายติดเกาะคนหนึ่งที่รู้สึกสิ้นหวังกับการมีชีวิตอยู่ต่อ ที่แม้เขาเคยได้พยายามส่งข้อความขอความช่วยเหลือโดยลอยไปกับทะเล แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งแฮงค์ก็ตระหนักได้ว่าทางออกที่จะพาตัวเขาให้หลุดรอดจากเกาะแห่งนี้ได้นั้นแทบจะเป็นศูนย์ เห็นจะหมดแล้วซึ่งทางออก แฮงค์ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงด้วยการแขวนคอ แต่ในขณะที่เขากำลังจะขาดลมหายใจตายนั้นเองที่บังเอิญพอดีว่ามีร่างของชายปริศนาลอยมาเกยตื้นที่ชายฝั่ง ด้วยความดีใจว่าในที่สุดก็มีใครไม่รู้ลอยมาติดเกาะเป็นเพื่อนกัน แฮงค์วิ่งตรงไปยังร่างของชายคนนั้น พลิกเขาขึ้นด้วยหวังจะช่วยเหลือแต่กลับต้องพบว่าร่างนั้นคือศพที่ไม่มีชีวิต (ตัวศพรับบทโดยแดเนี่ยล แรดคลิฟฟ์!!)
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นอย่างสิ้นหวังเช่นนี้แหละครับ ด้วยการที่ความหวังของชายผู้เคยสิ้นหวังได้ถูกบดขยี้ซ้ำ จนแฮงค์จำต้องเดินคอตกกลับไปแขวนคอตัวเองอย่างจำยอม แต่แล้วในขณะที่เขาพยายามฆ่าตัวตายเป็นครั้งที่สองนั้นเองที่จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงประหลาดดังขึ้นจากร่างของศพปริศนา มันเป็นเสียงคล้ายการระเบิดของอากาศที่ปะทะเข้ากับคลื่นน้ำ จนเมื่อแฮงค์ล้มเลิกความคิดแขวนคอตัวเองอีกครั้งเพื่อไปตรวจดูต้นตอของเสียง เขาถึงกับได้พบว่าไอ้เสียงประหลาดที่ได้ยินนี้คือเสียงศพกำลังตด!
อ้าวเฮ้ย เป็นศพไปแล้วตดได้ยังไงหว่า
และด้วยจุดเริ่มต้นบ้าบอสุดจะประหลาดนี้แหละครับที่จะนำพาเราไปสัมผัสกับมิตรภาพกลิ่นตุๆ ระหว่างแฮงค์, หนุ่มติดเกาะผู้เกือบฆ่าจะตาย กับศพ, ที่ลอยมาติดเกาะแห่งนี้ได้ยังไงก็ไม่รู้
2. เรื่องราวแทบทั้งหมดของหนังดำเนินผ่านความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครแค่สองตัว ที่ฟังดูทะแม่งๆ อยู่พอตัวเมื่อลองจินตนาการถึงการปฏิสัมพันธ์กัน(ไม่ว่าจะในรูปแบบใด) ระหว่างคนกับศพ ซึ่งภาพในหัวที่พอจะนึกออกก็เห็นจะเป็นความสัมพันธ์และการสื่อสารแบบทางเดียวที่ฝ่ายหนึ่งพูด ขณะที่ฝ่ายหนึ่งเงียบใส่เพราะตายแล้ว แฮงค์และศพปริศนาดำเนินความสัมพันธ์ไปในลักษณะนี้ที่พอฝ่ายหนึ่งพูดออกมา อีกฝ่ายก็ได้แค่พ่นลมออกทางตูดราวกับกำลังตอบรับ
แต่แล้วราวกับมีปาฏิหาริย์ประหลาดๆ เกิดขึ้นเมื่อจู่ๆ ศพที่ไร้ชีวิตดันพูดได้ซะอย่างงั้น?!? ใช่แล้วครับ ไอ้ศพที่วันๆ เอาแต่ตดนั่นแหละที่อยู่ดีๆ มันก็ดันพูดได้ขึ้นมา แถมยังพูดมากเสียด้วย เพราะมันเอาแต่ถามๆๆ แฮงค์อย่างกระหายสงสัย พ่นพรั่งคำถามออกมาอย่างไม่จบไม่สิ้น จนพาให้น่ารำคาญอยู่ทีเดียว ตรงนี้เองที่กลายเป็นประเด็นซึ่งทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจ นั่นคือตัวศพ(ซึ่งต่อมาถึงได้รู้ว่าชื่อเมนี่) นั้นไม่ได้มีความทรงจำใดๆ ในขณะมีชีวิตติดตัวมาด้วยเลย คล้ายว่าเขาได้หลงลืมทุกอย่างไปแล้ว และการตื่นขึ้นหลังความตายก็เป็นเหมือนการได้เริ่มต้นเรียนรู้ทุกอย่างใหม่อีกครั้ง เพราะที่บอกว่าเมนี่จดจำอะไรไม่ได้นั้นก็หมายความถึงความรู้พื้นฐานแทบทั้งหมดที่มนุษย์ควรจะรู้
ไม่ว่าจะเป็นกฏกติกาต่างๆ ทางสังคมที่ควรรู้ หลักตรรกะในการดำเนินชีวิต รวมถึงเรื่องจำพวกเซ็กส์และความรักที่เมนี่ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ซึ่งครูผู้สอนของเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นแฮงค์ มนุษย์เพียงคนเดียวที่อยู่ข้างๆ เขานั่นเอง
3. ในหนังสือเรื่อง Unbearable Lightness of Being ของนักเขียนชาวเชคนามมิลาน คุนเดอรา มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า
“Indeed, the only truly serious questions are ones that even a child can formulate. Only the most naive of questions are truly serious. They are the questions with no answers. A question with no answer is a barrier that cannot be breached. In other words, it is questions with no answers that set the limit of human possibilities, describe the boundaries of human existence.”
หรือก็คือ คำถามซึ่งคุนเดอราเห็นว่าสำคัญคือคำถามไร้เดียงสาที่มาจากเด็กๆ ที่อาจไม่มีคำตอบเสมอไป นั่นเพราะคำถามประเภทนี้เองที่อธิบายถึงขีดจำกัดของมนุษย์
ผ่านการเรียนรู้และตั้งคำถามของตัวเมนี่ ที่หนังเรื่องนี้ได้แสดงให้เราเห็นถึงรูปแบบของการตั้งคำถามแบบเด็กๆ อย่างที่ตัวผู้ตั้งเองก็ไม่ได้มีเจตนาถามเพื่อกวนโมโหคนที่ถูกถาม แต่เป็นการถามอย่างผู้ไม่รู้ เป็นความสงสัยเพียวๆ ที่แสนจะบริสุทธิ์
แต่ละสิ่งที่เมนี่ถามแฮงค์นั้นหลายต่อหลายครั้งก็กลายเป็นคำถามในเชิงปรัชญาหรืออภิปรัชญา อาทิเช่น ความรักคืออะไร ทำไม่คนเราถึงรู้สึกดีเมื่อมีความรัก ชีวิตคืออะไร แล้วทำไมมนุษย์ถึงได้รับชีวิตนี้มา
4. สร้างสรรค์อย่างหนึ่งที่ผมชอบในหนังเรื่องนี้คือชื่อของมันครับ Swiss Army Man คือการตั้งชื่อที่ล้อกับ Swiss Army Knife ซึ่งเป็นมีดพับเอนกประสงค์ที่แม้จะมีขนาดกระทัดรัด หากทว่าภายในตัวของมันนั้นประกอบด้วยมีดสารพัดชนิด แถมยังมีอุปกรณ์อื่นๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกอีกอย่างเช่นกรรไกรขนาดจิ๋ว หรือเกลียวเอาไว้เปิดจุกก๊อก เรียดได้ว่าหากได้พกมีดเล่มนี้ไปด้วยไม่ว่าจะที่ไหนก็ช่วยให้อุ่นใจในหลายๆ ทาง
ความเอนกประสงค์ของมีดพับสวิตช์นี้เองที่หนังได้เอามาเล่นกับเมนี่ ศพมีชีวิตที่แม้จะขยับไม่ได้ดั่งใจนึก หากแต่ก็มีศักยภาพครบครัน ทั้งแรงตดที่ช่วยให้ร่างของเขาสามารถพุ่งตัวไปบนน้ำได้เหมือนเรือเร็วขนาดเล็ก ร่างกายที่สามารถกักตุนน้ำฝนได้เพียงแค่อ้าปากเพื่อรอรับ แถมยังสามารถกดน้ำออกมาดื่มได้ตลอดเวลาเหมือนตู้เติมน้ำสาธารณะ หรือความสามารถในการกลืนวัตถุลงท้อง แล้วพ่นออกมาอย่างแรงประหนึ่งการยิงลูกดอกที่ช่วยให้แฮงค์เอาชีวิตรอดมาได้แล้วนักต่อนัก
เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นศพช่างจ้อไม่พอ แต่ยังเป็นศพเอนกประสงค์ที่ครบเครื่องในตัวเองเหมือนมีดสวิตซ์นั่นแหละ