ท่ามกลางกระแสอนุรักษ์ของเก่า ของวินเทจ ที่กำลังฟูเฟื่องสวนกระแสกับยุคแห่งเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21 อยู่ในทุกวันนี้ ดูเหมือนว่าไม่ใช่เพียงแค่กล้องเก่า รถเก่า เฟอนิเจอร์เก่า หรือแฟนเก่า (ไม่เกี่ยว!) ที่สามารถมีชีวิตยืนยาวผ่านกระแสกาลเวลาอันยาวนานมาได้
เพราะเมื่อเหลียวดูไปรอบกายด้วยสายพิจารณาให้ดี เราจะพบว่ายังมีอยู่อีกหนึ่งสิ่งที่มีอายุยืนยาวข้ามยุคข้ามสมัย แม้จะได้รับการทะนุบำรุงบ้างเป็นบางวาระ ทว่ากลับไม่ได้รับการเข้าไปดูแลจัดการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังมาเป็นเวลาเนิ่นนาน สิ่งนั้นก็คือตัวรากฐานของระบบสาธารณูปโภคที่อยู่คู่มหานครบางกอกมานานหลายสิบปี ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป แน่นอนว่าระบบดั้งเดิมย่อมไม่อาจตอบโจทย์กับความเปลี่ยนแปลงเชิงขยายต่อวิถีการใช้ชีวิตของประชาการชาวเมืองได้อีกต่อไป
จึงไม่น่าแปลกใจถ้าใครหลายคนจะเริ่มลุกขึ้นมาตั้งคำถามว่า ได้เวลาแล้วหรือยังที่เราจะเริ่มลงมือยกเครื่องเปลี่ยนแปลงเสียที
บางกอกซิตี้ ชีวิตดีๆ ที่ (เขาบอก) ว่าลงตัว
ช่วงสิ้นปีหรือเริ่มต้นปีใหม่ทีไร เรามักจะได้ยินบรรดาเว็บไซต์ท่องเที่ยวต่างๆ พากันเผยผลสำรวจเมืองที่น่าเที่ยวห้าอันดับ สิบอันดับทั่วโลกอยู่เสมอ ซึ่งแน่นอนว่าเมืองที่อุดมสมบูรณ์ทั้งที่เที่ยวที่กินในราคาถูกแสนถูกอย่างบางกอกเราย่อมต้องติดโผมงลงอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะที่หลายคนกำลังยิ้มกระหยิ่มด้วยความพราวด์ในความเป็นชาวแบงค็อกเคี่ยน ยังไม่รวมไปถึงเม็ดเงินมหาศาลที่จะหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ความจริงข้อหนึ่งที่เราต้องพึงตระหนักอยู่เสมอก็คือ อันดับที่เมืองอันเป็นที่รักของเราถูกจัดนั้นอยู่ในลิสต์ของเมือง ‘น่าเที่ยว’ คำว่าน่าเที่ยว ย่อมแปลว่าเหมาะที่จะมาเที่ยวประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็กลับไป ไม่ใช่เมืองอันรุ่มรวยด้วยคุณภาพชีวิตที่ ‘น่ามาอยู่’ ลงหลักปักฐานขึ้นเสาคานอย่างที่ใครคิด
แน่นอนว่าถ้านำไปเปรียบเทียบกับหลายประเทศเพื่อนบ้าน มหานครบางกอกเราก็ใช่ว่าจะขี้เหร่นัก โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาในแง่ของความอยู่ง่าย อยู่สบาย สไตล์ค่อยเป็นค่อยไปแบบที่เป็นมา แต่ในความเป็นจริงแล้วเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่กำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และเพื่อนบ้านเราเองที่ต่างก็กำลังมุ่งแซงไปข้างหน้า ความวิ่งช้าของเราจึงดูไม่ต่างอะไรกับการก้าวถอยหลัง เหตุใดในขณะที่เมืองใหญ่หลายเมืองพยายามใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในเมืองให้ดียิ่งกว่าเคย ภายใต้คอนเซปต์ที่เรามักได้ยินกันบ่อยๆ ว่า Smart City เรากลับยังเลือกจะติดหล่มอยู่กับระบบสุดจะวินเทจ ที่ไม่อาจตอบโจทย์การก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วของโลกในปัจจุบันได้ หรือนี่อาจจะถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องลุกขึ้นมาเปิดรับเทคโนโลยี ที่จะเข้ามาทดแทน เปลี่ยนแปลง วิถีชีวิตทั้งหมดทั้งมวลของเราอย่างจริงจัง
สมาร์ทซิตี้ เปลี่ยนเพื่อชีวิตที่ลงตัวกว่า
เพื่อสอดรับกับโลกที่กำลังเดินหน้าเข้าสู่ Smart City มีผู้ประกอบการหลายเจ้าที่คิดค้น และพัฒนาเทคโนโลยีรูปแบบต่างๆ ออกมาเพื่อจัดการ อำนวยความสะดวก และรองรับกับวิถีชีวิตในด้านต่างๆ ซึ่งหนึ่งในผู้ให้บริการที่นำร่องระบบเพื่อเปิดรับกับชีวิตดิจิตอลในยุคนี้อย่างครบวงจรเท่าที่เราเห็นก็คือ หัวเว่ย (Huawei) ผู้นำทางด้านโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่คิดค้นเทคโนโลยีซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยอำนวยความสะดวกในรายบุคคล แต่ยังครอบคลุมไปถึงการบริหารจัดการเมืองแบบครบวงจร ตั้งแต่คลาวด์ เน็ตเวิร์ค แพลตฟอร์มต่างๆ ไปจนถึงระบบความปลอดภัย ที่สามารถต่อยอดไปสู่การใช้งานที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้นในแต่ละอุตสาหกรรมได้ที่จะขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 ด้วยคอนเซ็ปต์ “เปิดรับชีวิตในรูปแบบดิจิทัล” (Embrace Digital Life)
โดยเราจะขอหยิบเอาตัวอย่างเทคโนโลยีที่น่าสนใจ ซึ่งทาง หัวเว่ย ได้นำไปทดลองใช้ในต่างประเทศ (ซึ่งมันเวิร์ค!) และกำลังจะนำมาใช้ในประเทศไทยให้ได้ฟังกันบางส่วน
Smart Parking
เบื่อไหมกับการขับวนหาที่จอดรถกันรอบแล้วรอบเล่ายังกะซ้อมเวียนเทียนวันอาสาฬบูชา หรือต้องคอยมาเบ้ปากมองบนเวลาอาเจ๊ที่ไหนไม่รู้วิ่งตัดหน้าไปจองที่จอดทั้งๆ ที่เรามาก่อน ระบบ Smart Parking คือระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อย่นระยะเวลาให้กับคนที่ใช้รถส่วนตัว โดยจะสามารถค้นหา จอง และจ่ายเงินค่าที่จอดรถได้ง่ายๆ ผ่านการกดสมาร์ทโฟนเพียงคลิกเดียวเท่านั้น หัวเว่ยได้ทดลองนำระบบนี้ไปใช้ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดของเมืองใหญ่ การจอดรถผิดกฏหมาย และอำนวยความสะดวกกับผู้ใช้รถ
Digital Railway
ฟากขนส่งมวลชนอย่างรถไฟเองก็มีระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจัดการออกมาเช่นกัน โดยอาศัยเทคโนโลยีที่เรียกว่า Internet of Things หรือการที่ระบบทุกสิ่งถูกเชื่อมโยงเข้าหากันด้วยอินเทอร์เน็ต ทำให้เราสามารถสั่งการอุปกรณ์ทุกอย่างผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ มาผูกเข้ากับกล้องที่มีความละเอียดสูง และการส่งต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้ทางศูนย์ควบคุมสามารถอาศัยความสามารถเหล่านี้มาบริหารจัดการช่องทางการจราจรให้รถไฟฟ้ามานะเทอว์ได้ตรงเวลา ราบรื่น รับมือกับปัญหาต่างๆ ได้รวดเร็ว ทั้งในเวลาปกติ และโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน
Smart Pole
นวัตกรรมเสาอัจฉริยะ ที่ไม่ได้หมายความถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการรูดและออกสเต็ป แต่หมายถึงเสาไฟที่ให้ความสว่างริมถนนนี่เอง เพราะแม้ประเทศไทยจะเป็นเมืองที่รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด แต่เรื่องอาชญากรรมฉก ชิง วิ่งราวสี่คูณร้อยเมตรในที่เปลี่ยวที่มืดนี่เรียกว่า ยูเซน โบลต์ ยังต้องมอบเหรียญ ซึ่งระบบของ Smart Pole เองก็ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับปัญหานี้โดยตรง ด้วยการใช้เทคโนโลยีเซนเซอร์มาประยุกต์ใช้กับเสาไฟซึ่งจะถูกนำไปตั้งตามพื้นที่สาธารณะที่เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมในจุดต่างๆ พร้อมติดตั้งปุ่มขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน และกล้องวงจรปิดความละเอียดสูงที่พร้อมส่งข้อมูลต่อตรงถึงเจ้าหน้าที่แบบเรียลไทม์ ช่วยลดเหตุด่วนเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด
Smart Energy
นอกจากเรื่องยิบย่อยรายบุคคลแล้ว แพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ทางหัวเว่ยคินค้นพัฒนายังมีอีกหนึ่งระบบที่สามารถเข้าไปจัดการดูแลเรื่องใหญ่ๆ อย่างระบบการจ่ายพลังงานไฟฟ้าของทั่วทั้งประเทศได้ โดยเป็นการผสมผสานระหว่าง Internet of Things, สมาร์ทกริด ตลอดจนเทคโนโลยีเซนเซอร์ขั้นสูง ที่ถูกนำมาสร้างเป็นระบบคอมพิวเตอร์อันทรงประสิทธิภาพในการเข้าไปควบคุมโครงสร้างพื้นฐานของโรงไฟฟ้า เสาส่งไฟฟ้า หม้อแปลง อุปกรณ์จ่ายไฟต่างๆ แม้กระทั่งมิเตอร์วัดไฟ ของแต่ละบ้าน ซึ่งนอกจากจะมีเสถียรภาพและความแม่นยำสูงแล้ว ยังช่วยให้การวางแผนการใช้ไฟในระยะยาวมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย
Digital Banking
ด้วยระบบการวิเคราะห์ Big Data ที่แม่นยำยิ่งกว่าโคนันผสมคินดะอิจิ ในปัจจุบัน หัวเว่ย ได้สร้างสรรค์แพลตฟอร์มที่น่าสนใจขึ้นมาแพลตฟอร์มหนึ่ง ที่นอกจากจะช่วยปกป้องเงินในบัญชีให้มีความปลอดภัยขึ้นแล้ว ยังช่วยลดอาชญากรรมทางการเงินได้ด้วย นั่นก็คือระบบช่วยวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมทางเงินเพื่อลดความเสี่ยงของการทุจริต ที่สามารถแจ้งเตือนการเคลื่อนไหวของธุรกรรมทางการเงินที่น่าสงสัยได้ โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวถูกสร้างมาเพื่อผู้ใช้ในหลายระดับตั้งแต่ตัวธนาคาร ไปจนถึงตัวบุคคลเอง เพื่อสามารถมอนิเตอร์เส้นทางการเงินในบัญชีได้แบบเรียลไทม์
ขึ้นชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงแน่นอนว่าย่อมไม่มีอะไรง่าย โดยเฉพาะการต้องเปิดรับเอาสิ่งที่ไม่คุ้นเคยเข้ามาเป็นครั้งแรก แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องถามตัวเองให้มากว่าพร้อมที่จะเปิดรับเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้มากน้อยแค่ไหน นั่นก็คือเราอยากให้บางกอกเมืองแสนรักของเราเป็นเมืองที่ ‘น่าเที่ยว’ หรือเมืองที่ ‘น่าอยู่’ มากกว่ากันกันแน่
#HuaweiTech #SmartCity #EmbraceDigitalLife