ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ไมโลคือเครื่องดื่มประจำครอบครัวมาตั้งแต่เด็กจนโต ตอนเด็กๆ แม่ก็ต้องชงไมโลให้ดื่มทุกเช้า
ตอนอยู่โรงเรียนก็ตั้งตารอรถไมโลมาแจก จนโตขึ้นตื่นไปทำงานระหว่างวันก็ได้ไมโลมาเพิ่มพลังและได้ประโยชน์ ไมโลก็พร้อมเติบโตไปพร้อมๆ กับผู้บริโภคเช่นกัน ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ไมโลสูตรใหม่ไม่มีน้ำตาลทรายจึงเกิดขึ้นในยุคนี้ที่คนไทยตื่นตัวและรักสุขภาพ
ติดหวาน เทรนด์ใหม่คนไทยที่ไม่ควรมา
จากสถิติปริมาณการบริโภคน้ำตาลของคนไทยจากรายงานของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายแห่งประเทศไทยบอกว่า อัตราการบริโภคน้ำตาลของคนไทยในช่วงระยะเวลาเพียง 27 ปี จาก พ.ศ.2526-2553 เพิ่มขึ้นถึง 2.7 เท่า ในปัจจุบันอยู่ที่เฉลี่ย 20-26 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งนับว่าเกินกว่าปริมาณที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำคนไทยในการบริโภคน้ำตาลที่เติมเพิ่มให้ไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา ไปอย่างมาก
หากลองย้อนกลับมาดูสาเหตุที่ทำให้คนไทยติดหวานเพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ ก็มาจากไลฟ์สไตล์การกินที่คนไทยชอบรับประทานเครื่องดื่มและของหวานระหว่างวัน ซึ่งมีส่วนผสมสำคัญเป็นน้ำตาล จึงทำให้ติดรสชาติและความหวานของน้ำตาลไปโดยไม่รู้ตัว เลยเถิดไปจนถึงการปรุงอาหารคาวในชีวิตประจำวันที่ต้องเติมน้ำตาลขึ้นอีกเพื่อให้เพียงพอกับรสชาติที่ลิ้นต้องการ และนี่เองคือการบ่มเพาะนิสัยติดหวาน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เกิดปัญหาสุขภาพแล้ว ซึ่งถ้าแก้ไขทันก็ควรรีบตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าปล่อยให้ติดหวานต่อเนื่องจนกลายเป็นโรคที่ต้องใช้เวลาและเงินในการรักษา
ส่วนใครที่ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองติดหวานหรือไม่ ลองสำรวจพฤติกรรมตัวเองดูว่ามีอาการอยากกินขนมหวานที่ตัวเองชอบ หรือหิวบ่อยถึงแม้จะเพิ่งกินมา ถ้าลองหักดิบไม่กินหวานดู ก็พบว่ากระวนกระวายหงุดหงิด ดื่มเครื่องดื่มอย่างพวกน้ำหวานอยู่เสมอ หรือหากไปจนถึงกระทั่งปรุงน้ำตาลในอาหารทุกมื้อ นั่นก็แปลว่าคุณติดหวานไปแล้ว แล้วทีนี้จะมีทางเลือกอื่นแทนน้ำตาลสำหรับคนติดหวานได้ไหม?
มีทางเลือกอื่นแทนน้ำตาลได้ไหม?
ถ้าจะหักดิบ ต้องบอกว่าน่าจะดูโหดร้ายกับตัวเองไปสักนิด เพราะนอกจากจะอารมณ์เสียแล้ว ยังอาจท้อมากจนเลิกล้มไปกลางคันได้ ทางที่ดีค่อยๆ เริ่มจากการลดปริมาณน้ำตาลที่บริโภคต่อวันลง เคยปรุงน้ำตาลหลายช้อนก็ลดเหลือช้อนเดียวหรือครึ่งช้อน เคยดื่มน้ำหวานก็ชดเชยด้วยน้ำเปล่าแทน และจดบันทึกประจำวันให้โควต้ากับตัวเองว่าวันไหนกินหวานได้เท่าไหร่ แล้วค่อยๆ ลดปริมาณน้ำตาลลงก็เป็นการลดน้ำตาลอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
เช่นเดียวกับทางไมโลเองที่ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคผู้รักสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ไมโลสูตรปกติ ไมโลสูตรน้ำตาลน้อยกว่า ซึ่งมีปริมาณน้ำตาลในระดับที่เป็นไปตามมาตรฐานโภชนาการสากล มาจนถึงสูตรใหม่ล่าสุดคือ สูตรไม่มีน้ำตาลทราย เพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับกลุ่มคนรักสุขภาพ
ไมโล ทางเลือกอร่อยของคนรักสุขภาพ
ไมโลสูตรไม่มีน้ำตาลทรายนี้ มีความโดดเด่นตรงที่ไม่มีการเติมน้ำตาลทรายเพิ่มลงไปในส่วนผสมของไมโลแม้แต่น้อย แต่ยังคงความอร่อย รสชาติหวานที่ได้และปริมาณน้ำตาลที่ปรากฎข้างกล่องที่ 11 กรัม มาจากน้ำตาลธรรมชาติของนม 8 กรัม และน้ำตาลธรรมชาติมอลโตสจากมอลต์ 3 กรัม
ยังมั่นใจได้ว่าไมโลยังมีคุณประโยชน์ ทางโภชนาการ และให้พลังงาน โดยให้พลังงานเท่ากับสูตรปกติที่ 130 กิโลแคลอรี แคลเซียมสูงขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับไมโลสูตรปกติ ส่วนเรื่องรสชาตินั้น ยังได้รสหวานธรรมชาติจาก นม และ มอลต์ แม้ไม่มีน้ำตาลทรายก็ยังได้ความหวานจากธรรมชาติ
พบกับไมโล สูตรไม่มีน้ำตาลทรายได้แล้ววันนี้ที่ 7-11 ทั่วประเทศ