แม้ทุกวันนี้การอาศัยอยู่ในเมืองจะตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบายและการใช้ชีวิตที่พร้อมทุกด้าน
หากแต่เมื่อใดที่ร่างกายและจิตใจรู้สึกอยากจะพักผ่อน หรือเข้าใกล้ช่วงเทศกาลวันหยุดยาวๆ เมื่อไร ดูเหมือนว่าสถานที่ในเมืองจะกลายเป็นที่ที่ทุกคนอยากจะหลีกหนีไปให้ไกลที่สุดอยู่เสมอ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติในต่างจังหวัด มักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวในวันหยุดไม่เคยขาด แต่ก็นั่นแหละ พอคนมากเข้า ที่เที่ยวแห่งนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากในเมืองที่แสนแออัด
การหาทางออกด้วยการไป ‘แคมป์’ จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ของกิจกรรมพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่กำลังแมสสุดๆ จากรายงานของ North American Camping Report ในปี 2017 มีชาวอเมริกันสายแคมป์มากถึง 75 ล้านคน แบ่งเป็นชาวมิลเลนเนียลมากที่สุดถึง 38 เปอร์เซ็นต์ มีการวางแพลนไปแคมป์ปีละไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง แต่ละครั้งก็ต้องค้างมากกว่าหนึ่งคืน และมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี แถมยังไม่ได้เป็นเทรนด์แค่ในอเมริกา แต่ยังได้รับความนิยมไปทั่วโลกอีกด้วย ประจวบเหมาะกับเทรนด์ของรถเอสยูวีหรือรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่กำลังมาแรงในหลายประเทศ รวมทั้งในประเทศไทยที่ช่วง 2-3 ปีมานี้เติบโตจนสร้างยอดขายแบบถล่มทลาย จึงทำให้ทั้งสองเทรนด์กลายเป็นเรื่องเดียวกันอย่างแยกไม่ออก นั่นคือการขับรถเอสยูวีที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมพาหลีกหนีความแออัดในเมืองชวนไปแคมป์กันกลางป่าเสียเลย
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าการไปแคมป์ ไม่ใช่การพักผ่อนแบบสบายๆ เหมือนการไปนอนโรงแรมแน่ๆ กว่าจะเดินทางไปถึงก็แสนไกล นอนก็ต้องในเต้นท์ อาหารก็ต้องทำเอง บางทีกลับมาอาจจะเหนื่อยล้ากว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่ทำไมการไปแคมป์ถึงได้รับความนิยมมากขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะยังมีเหตุผลอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้การขับรถไปแคมป์มีเสน่ห์ที่ดีต่อใจและหาไม่ได้จากการพักผ่อนประเภทไหนๆ
ได้ออกเดินทางหาประสบการณ์ใหม่ๆ
หลายคนได้พิสูจน์แล้วว่า เมื่อไฟชีวิตเริ่มมอดให้เตรียมหาทางรอดด้วยการออกเดินทาง เพราะการเดินทางจะนำพาสิ่งใหม่ๆ ให้เข้ามาในชีวิตเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นการเดินทางไปแคมป์ครั้งแรก เพียงแค่ได้เริ่มต้นวางแผนว่าจะไปก็ถือว่าเป็นสิ่งใหม่ที่ได้ลองทำแล้ว เพราะการไปแคมป์นั้นไม่เหมือนการจองโรงแรม แพ็คกระเป๋า แล้วขับรถไปพักแบบชิลล์ๆ แน่นอน แต่ต้องเริ่มต้นตั้งแต่ศึกษาหาข้อมูลเต้นท์ที่พักแบบต่างๆ เครื่องนอนหมอนมุ้ง อุปกรณ์ส่องสว่าง อุปกรณ์ทำอาหาร ที่อาจต้องใช้รถที่กว้างขวางเพื่อขนของสักหน่อย ความอเนกประสงค์ของรถเอสยูวีก็ได้ใช้อย่างเต็มที่ก็ตอนนี้แหละ รวมไปถึงสถานที่ที่จะไปตั้งแคมป์ แถมเมื่อไปถึงก็ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของธรรมชาติ ฝนจะตกไหม แดดจะร้อนไปหรือเปล่า เรียกว่าไม่ได้ไปสบาย ออกจะไปลำบากเสียมากกว่า แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือประสบการณ์ใหม่ๆ จากการเดินทาง ที่จะแปรเปลี่ยนเป็นไฟชีวิตครั้งใหม่ให้เรากลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความหมายมากขึ้น
ได้ธรรมชาติช่วยเยียวยา
พลังของธรรมชาตินั้นมหัศจรรย์เสมอ การไปแคมป์คือการไปรับพลังจากธรรมชาติแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากที่สุด มีงานวิจัยหลายชิ้นเผยว่าสภาพแวดล้อมที่เราอยู่จะส่งผลโดยตรงต่อความเครียดที่จะเกิดขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าสภาพแวดล้อมแสนวุ่นวายในป่าคอนกรีตทำให้เราเครียดต่อการใช้ชีวิตขนาดไหน กระทั่งการขับรถในเมืองที่รถติดแบบมหากาพย์จนสามารถตั้งแคมป์บนรถได้ แต่จะดีกว่าถ้าได้ขับรถไปตั้งแคมป์จริงๆ ในป่า ซึ่งเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้รถเอสยูวีได้รับความนิยมพร้อมๆ กับการไปแคมป์ก็น่าจะมาจากคุณสมบัติที่สามารถขับได้ทั้งในเมืองและลุยป่าแบบเบาๆ ได้นั่นเอง การได้เปลี่ยนสภาพแวดล้อมไปหาป่าสีเขียวแท้ๆ แล้วตั้งแคมป์ใช้ชีวิตอยู่ในนั้น กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า แสงแดดที่ลอดผ่านใบไม้ จะส่งผลด้านบวกต่ออารมณ์และจิตใจของเราให้ผ่อนคลายมากขึ้น รวมถึงยังส่งผลต่อไปยังร่างกายอีกด้วย ขนาดพื้นที่สีเขียวเล็กๆ ในเมืองยังช่วยให้เราผ่อนคลายได้ ยิ่งถ้าเป็นพื้นที่สีเขียวแท้ๆ ในป่าจะช่วยให้เราสบายกายสบายใจขนาดไหน เพราะโดยเนื้อแท้ของมนุษย์นั้นเกิดมาจากธรรมชาติ บรรพบุรุษของเราต่างก็เคยใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาก่อน จึงไม่แปลกหรอกที่เราจะโหยหาธรรมชาติอยู่เสมอ และรู้จักที่จะตอบสนองความต้องการภายในของเราบ้าง
ได้ตัดขาดจากโลกโซเชียลชั่วคราว
ในยุคสมัยที่โลกโซเชี่ยลและสมาร์ทโฟนกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เราขาดกันไม่ได้ แห่งหนตำบลใดที่ไม่มีสัญญาณ 4G หรือ WiFi แล้วล่ะก็ เหมือนกับขาดใจเลยทีเดียว แต่ไม่น่าเชื่อว่าจากผลสำรวจ กว่า 71% ของวัยรุ่นอเมริกันที่ไปแคมป์ โอเคกับการอยู่ในป่าที่ไร้ซึ่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ และการไม่มีอินเทอร์เน็ตไม่ใช่ปัญหา เพราะต้องการใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติจริงๆ คงจะดีไม่น้อยหากเรารีบสะสางงานการที่ค้างคา ตอบอีเมลให้หมด เคลียร์คิวทุกอย่างให้ว่าง ปิด notification ที่จะเด้งไว้ ภาพสวยๆ ที่อยากจะโพสต์ก็อดใจไว้โพสต์ตอนกลับถึงบ้าน ตัดใจจากโลกโซเชียลไปก่อน แล้วปลดปล่อยตัวเองให้อยู่กับธรรมชาติตรงหน้าอย่างแท้จริง สายลม แสงแดด ต้นไม้ใบหญ้า จะช่วยให้เรารู้สึกสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้จะแค่ชั่วคราวก็ดีต่อใจมากมายแล้ว
ได้สร้างความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด
คนที่ไปแคมป์ส่วนใหญ่มักจะไปกันเป็นหมู่คณะอยู่แล้ว ไม่ครอบครัวที่รักก็ต้องเป็นแก๊งเพื่อนสนิท เชื่อไหมว่าช่วงเวลาสั้นๆ ที่อยู่ด้วยกันระหว่างแคมป์นี่แหละ คือช่วงเวลาทองของการสร้างความสัมพันธ์ในแบบใหม่ๆ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่เตรียมตัวหาอุปกรณ์ นั่งรถออกเดินทางไปพร้อมกัน ซึ่งความกว้างขวางของรถเอสยูวีก็พอจะให้สมาชิกในบ้านหรือแก๊งเพื่อนนั่งไปพร้อมๆ กันได้หลายคน เมื่อไปถึงก็ต้องช่วยกันกางเต้นท์ แบ่งหน้าที่กันหุงหาอาหาร หรือจะนั่งดินเนอร์กันหน้ากองไฟยามเย็น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกันตลอดเวลา เหตุผลอันดับหนึ่งในการตัดสินใจไปแคมป์ของคนส่วนใหญ่คือต้องการใช้เวลากับคนที่ไปด้วยนั่นเอง เราอาจได้เห็นบทบาทที่ไม่เคยเห็นหรือสิ่งที่ไม่คิดว่าคนที่มาด้วยจะกล้าทำ ใครจะไปคิดว่า พ่อที่ชอบดุจะมานั่งปิ้งบาร์บีคิวให้เรากิน น้องสาวที่ทะเลาะกันทุกวันจะมาช่วยกันขุดดินปักเต้นท์ หรือเพื่อนที่ไม่เคยคุยเรื่องอื่นนอกจากเรื่องเรียนและเรื่องงาน จะกล้าเปิดใจถึงคนที่แอบชอบ รับรองเลยว่าโมเมนต์ดีๆ แบบนี้ไม่สามารถหาได้ในชีวิตประจำวันแน่นอน
แต่ถ้ากำลังมองหารถเอสยูวีสักคันไว้ขับได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง ลองมอง Honda CR-V เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ด้วยขุมพลังขับเคลื่อนอัจฉริยะ ของเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO ที่มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด เป็นระบบเกียร์ไฟฟ้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire) ให้ทั้งอัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม
ไม่ว่าป่าที่คุณจิตนาการไว้จะไกลแค่ไหน ฮอนด้า ซีอาร์-วี ก็พาคุณไปได้อย่างที่ใจคุณต้องการ ส่วนเรื่องจะขนเพื่อนหรือขนของไปมากแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะ ฮอนด้า ซีอาร์-วี มาพร้อมเบาะที่นั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง ที่สามารถปรับพับเพื่อใช้พื้นที่ได้อย่างอเนกประสงค์ถึง 4 รูปแบบ ทั้งยังมีฝากระโปรงท้ายเปิดปิดอัตโนมัติแบบไฟฟ้า จะขนของเข้า-ออกก็ง่าย สะดวกสบายอีกด้วย
อ้างอิง
http://www.selfgrowth.com/articles/the-camping-trends-for-2017