ก็รู้แหละว่าของหวานมันไม่ดี แต่ก็อดใจไม่ไหวจริงๆ
อาการนี้เป็นปัญหาโลกแตกของเหล่าผู้มีความรักหมดใจให้กับของหวานและสารพัดของอร่อย แต่เมื่อห้ามใจตัวเองไม่ไหวก็ห้ามคุณหมอฟันดุเราไม่ได้เหมือนกัน เหตุการณ์เหล่านี้ก็วนซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกครั้งเมื่อเราเกิดปัญหาสุขภาพฟัน
ว่าแต่เราเคยแอบสงสัยกันบ้างไหมว่า พวกคุณหมอฟันหรือทันตแพทย์คนเก่งที่คอยบอกเราเสมอว่าของหวานเหล่านี้เป็นศัตรูตัวร้ายของการมีสุขภาพฟันที่ดี พวกเขารับประทานของหวานกันเสียเองบ้างหรือเปล่า และถ้าเป็นเรื่องจริงเขามีวิธีการดูแลฟันอย่างไรบ้าง
The MATTER ขออาสาหอบคำถามเหล่านี้ไปนั่งคุยกับคุณหมอแคท หรือ Dr. Catt Prevé ผู้มีประสบการณ์ ผ่านการดูแลปัญหาช่องปากเหล่าคนไข้ผู้มีชื่อเสียงหลายท่าน และผ่านประสบการณ์ทันตแพทย์มายาวนานกว่า 20 ปี โดยคุณหมอจะมาเฉลยคำถามข้างต้นและให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลฟันพร้อมแนะวิธีให้เราได้ลิ้มรสของหวานอย่างมีความสุข
ปกติแล้วคุณหมอเป็นคนชอบทานของหวานหรือเปล่า
ถ้าเห็นจากขนาดรูปร่างของหมอแล้ว ก็ต้องเรียนตามตรงว่าไม่ใช่แค่ของหวาน แต่รับประทานทานทุกอย่างเลยล่ะค่ะ ไม่ได้กินแต่ของมีประโยชน์แบบที่คุณๆ เข้าใจหรอกนะคะ (หัวเราะ)
เมนูโปรดหรือเมนูประจำของตัวเองคืออะไร
โอ้โห ไล่ตั้งแต่ของหวานที่เป็นเครื่องดื่มเลยนะคะ หมอก็จะชอบกินพวกมัทฉะลาเต้ แล้วก็เป็นพวกโกโก้เย็นปั่นบวกด้วยวิปครีมค่ะ แต่ถ้าเกิดเป็นพวกเค้กหรือเบเกอรี่ก็จะชอบพวกแบบนิวยอร์กชีสเค้กนะคะ แต่ถ้าไม่มีก็อนุโลมเป็นกรีนที, เรดเวลเวท หรือจะเป็นพวกช็อกโกแลตหน้านุ่มอะไรอย่างนี้ก็พอได้ค่ะ
หลายเมนูอย่างนี้ เคยเจอปัญหาเรื่องฟันเหมือนคนไข้บ้างไหม
อาจจะไม่เชื่อ แต่ความจริงแล้วคือหมอไม่เคยฟันผุสักครั้งในชีวิตเลยนะคะ ถึงจะรูปร่างกลมอ้วนแบบนี้ก็เถอะ สำหรับหมอแล้วมีเคล็ดลับในการดูแลฟันหลังจากที่รับประทานของหวานเข้าไปแล้วค่ะ
เคล็ดลับนั้นคืออะไร
ก่อนที่จะไปเรื่องเคล็ดลับขออธิบายก่อนนะคะว่าทำไมฟันเราถึงฟันผุ สาเหตุมันมีองค์ประกอบอยู่ 4 อย่างด้วยกันอย่างนี้ค่ะ อย่างแรกเลยคือแป้งหรือน้ำตาลที่อยู่ในอาหารที่เรากินเข้าไป จากนั้นก็เป็นแบคทีเรียที่จะคอยทำร้ายฟันของเราอีกที ฟันเราเองก็เป็นปัญหาได้นะคะ เช่น ถ้าฟันของเรามีร่องลึก หรือหลบอยู่ตามซอกของช่องปาก ก็จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อปัญหาฟันผุได้ องค์ประกอบอย่างสุดท้ายคือระยะเวลาของการไม่ยอมทำความสะอาดค่ะ ฉะนั้นเมื่อเรารู้สาเหตุของการเกิดโรคฟันผุครบถ้วนแล้วนะคะ เราก็จะสามารถที่จะแก้ไขที่ต้นเหตุหรือป้องกันการเกิดฟันผุที่ต้นเหตุเลย
แต่การแก้ไขที่ต้นเหตุก็คือการไม่รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลไม่ใช่หรือครับ
เปล่าเลยค่ะ เรายังคงรับประทานอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ หรือขนมกับของหวานได้ตามเดิม เพียงแต่เราต้องให้ความสำคัญกับการกินและการดูแลฟันของเรามากขึ้น
ความหมายก็คือ เราควรรับประทานอาหารเหล่านี้ในระยะเวลาสั้นๆ ห้ามกินต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งวัน หรือไม่ควรกินจำนวนครั้งถี่ๆ เช่น กลางวันนี้เกิดอยากกินชาไข่มุกสักแก้ว ก็กินให้หมดตั้งแต่เที่ยง ไม่ใช่ว่าเราค่อยๆ ดูดทีละจิบทั้งวัน เพราะถ้าคุณทำแบบนั้นก็จะเพิ่มสภาวะกรดที่เกิดขึ้นจากความหวานให้อยู่ในช่องปากของเรานานขึ้น และแน่นอนว่าจะเสี่ยงต่อปัญหาฟันผุตามมาด้วย
ปัญหานี้จะหมดไปด้วยการแปรงฟันหลังอาหารได้ไหม
เรื่องแปรงฟันนี่เป็นคำถามที่คนไข้ถามตัวหมอเยอะมากเลยนะคะ ทำไมเราถึงแปรงฟันทันทีหลังอาหารทุกมื้อแต่ฟันยังผุได้อีก หมอต้องขอเล่าแบบนี้ค่ะ คือคนไทยเราเป็นคนทานอาหารรสจัด เอาความอร่อย ถูกปากเป็นหลัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นตัวการที่ทำให้เกิดกรดในช่องปาก โดยสิ่งที่สามารถเจือจางลงได้คือน้ำลาย ซึ่งกระบวนการเจอจางนี้ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง
ดังนั้น ถ้าเราเลือกที่จะแปรงฟันทันทีหลังรับประทานอาหารเข้าไปก็จะเท่ากับการทำให้กรดเข้าไปที่ผิวฟันได้โดยตรง ส่งผลให้ฟันเราอ่อนแอและเกิดการสึกกร่อนได้ง่ายยิ่งขึ้นค่ะ
แล้วแบบนี้เราควรต้องทำอย่างไรบ้าง
การแปรงฟันรวมถึงการดูแลช่องปากอื่นๆ เช่น การใช้ไหมขัดฟัน การแปรงฟันแห้ง หรือการใช้อุปกรณ์อื่นๆ ทำความสะอาด ถ้าคุณทำสิ่งเหล่านี้เป็นประจำคือถูกต้องแล้วล่ะค่ะ
แต่หมอขอเพิ่มข้อมูลให้อีกนิดว่าการแปรงฟันที่ดีคือ ต้องแปรง 2 ครั้งเป็นอย่างน้อยต่อวัน ในช่วงเวลาเช้าหรือเย็น หากจะแปรงระหว่างวันก็หลังจากรับประทานอาหารแล้วหนึ่งชั่วโมง และแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 2 นาที รวมทั้งใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์อยู่ในยาสีฟันด้วยนะคะ แล้วให้ดีหลังจากแปรงฟันไม่ควรดื่มน้ำหรือกินอาหารสักครึ่งชั่วโมง แค่นี้ถือว่าดีที่สุดแล้ว แล้วก็สามารถป้องกันโรคฟันผุและเหงือกอักเสบได้จริงๆ
คุณหมอพูดถึงการแปรงฟันแห้งด้วย อยากทราบว่ามันคืออะไร
การแปรงฟันแห้งคือการแปรงฟันโดยไม่ใช้น้ำค่ะ โดยให้เราแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ แล้วหลังจากที่แปรงฟันเสร็จเราแค่บ้วนฟองทิ้งเฉยๆ เลยโดยที่ไม่ต้องตักน้ำเข้าปากเพื่อล้างปากอีกทีค่ะ สาเหตุที่เราต้องทำเช่นนี้ก็เพราะว่าต้องการรักษาฟลูออไรด์ที่อยู่ในยาสีฟันและมีหน้าที่ป้องกันฟันผุให้อยู่นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ขยายความอีกนิดก็คือวิธีนี้จะช่วยให้ฟลูออไรด์เคลือบที่ผิวฟันนานขึ้นนั่นเอง
แต่สำหรับใครที่ยังไม่คุ้นชินกับการแปรงฟันแห้ง และไม่มั่นใจว่าวิธีนี้จะสะอาดพอหรือเปล่า ให้เราใช้อุปกรณ์ เช่น พวกแปรงซอกฟัน ไหมขัดฟัน หรือแม้กระทั่งน้ำเปล่าขจัดหรือกำจัดเศษอาหารตามซอกฟันหรือผิวฟันออกให้หมดก่อน จากนั้นก็แปรงฟันแห้งต่อได้เลย
แรกๆ ก็คงไม่ชินแหละค่ะ แต่ถ้าลองทำสักครั้งก็จะรู้ว่ามันไม่ได้ยากเนอะ
แปรงสีฟันและยาสีฟันมีผลต่อการแปรงฟันแห้งด้วยหรือเปล่า
ตามทฤษฎียาสีฟันที่มีฟลูออไรด์แบบไหนก็สามารถแปรงฟันแห้งได้ค่ะ แต่ความความเป็นจริงแล้วก็อาจจะไม่ทุกแบบเสียทีเดียว เนื่องจากในยาสีฟันบางรายจะมีการใส่สารที่ทำให้เกิดฟองที่เรียกว่า Sodium Lauryl Sulfate (SLS) ทำให้บางคนเกิดการอาการแพ้เป็นผื่นหรือจุดแดงขึ้น จนทำให้วิธีแปรงฟันแห้งนี้แทนที่จะช่วยรักษากลับเป็นการทำร้ายช่องปากเสียเอง ดังนั้นยาสีฟันที่ไม่มีสารเหล่านี้ผสมอยู่ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ
สำหรับแปรงสีฟันต่อให้ไม่ได้เป็นการแปรงฟันแห้ง หมอก็คิดว่าเราก็ควรจะเลือกที่จับได้ถนัดมือ และมีตัวขนแปรงที่มีปลายกลมมน หน้าตัดของขนแปรงเรียบ และขนแปรงมีความนุ่มเพื่อที่จะไม่ทำร้ายทั้งฟันและเหงือก สุดท้ายคงเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัว เช่น สีสันหรือหน้าตาของแปรงสีฟัน คุณอาจจะคิดว่าสิ่งนี้ไม่สำคัญนะคะ แต่ความจริงแล้วมันมีผลต่อเราพอสมควร ไหนจะเด็กที่กลัวการแปรงฟัน หรือการหยิบใช้กันผิดของคนในบ้านอีก เลือกสิ่งที่เราชอบยังไงก็ดีกว่าค่ะ
สุดท้ายนี้ คุณหมอมีอะไรอยากบอกคนที่ชอบกินของหวานด้วยกันบ้างครับ
หมออยากให้กำลังใจอย่างนี้นะคะ ในฐานะคนชอบกินขนมหวานด้วยกัน ต่อให้เราอ้วนยังไงนะคะ ขออย่างหนึ่งก่อนก็คืออย่าให้สุขภาพช่องปากเรามีปัญหานะคะ เพราะถ้ามีปัญหาฟันผุ เหงือกอักเสบ เราต้องถอนฟัน เราก็จะกลายเป็นคนกินไม่อร่อยนะคะ
ถ้าเกิดสมมติว่าเห็นว่ายาก ลองทำดูสักครั้งหนึ่ง ครั้งแรกยังไม่ดีขึ้นมันต้องมีครั้งที่สองค่ะ ทำไปเรื่อยๆ มันต้องดีขึ้นบ้างล่ะ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
ขอขอบคุณ Class Cafe’ ที่เอื้อเฝื้อสถานที่ในการถ่ายทำ