“คนไทยยังขี่ช้างไปเรียนอยู่หรือเปล่า” หนึ่งในความเข้าใจผิดยอดฮิตที่ชาวต่างชาติพูดถึงประเทศไทย ที่พอได้ฟังเมื่อไร เราๆ ก็ได้แต่หัวเราะพร้อมส่ายหัว
“ของขึ้นชื่อคือกายกรรม” – “เมืองนี้มีแต่ของก๊อป” ชาวเมืองกวางโจว (ที่คนไทยมักจะคุ้นกันในชื่อกวางเจา) และเซินเจิน หากได้มายินสองประโยคนี้เข้า ก็คงต้องส่ายหัวแรงกับความเข้าใจผิดๆ แบบนี้ ไม่แพ้กัน
เพราะจริงๆ ทั้งสองเมืองได้พัฒนาแซงหน้ากว่าภาพจำในอดีตที่เรามักจะได้ยินจากทั้งเรื่องเล่าและมุกตลกไปไกลแสนไกลแล้ว แน่นอน ใครๆ ก็รู้ดีว่ายุคนี้เป็นยุคของประเทศจีนที่กำลังมาแรงเป็นอีกหนึ่งขั้วมหาอำนาจของโลก เศรษฐกิจเฟื่องฟูเติบโตแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้มังกรใหญ่ตัวนี้ต้องลุกขึ้นมาอัพเดตความเจริญของตัวเองกันขนานใหญ่ และ ทั้งสองเมืองนี้คือผลลัพธ์โชว์ให้โลกได้เห็นว่า จีนล้าสมัยแบบเดิมๆ มันไม่ใช่อีกต่อไป
มาลองไปสำรวจกันว่า กวางโจว และเซินเจิน อดีต 2 เมืองสุดเชยในสายตาคนไทย จะเปลี่ยนตัวเองให้ฮิป ชิค คูลขึ้นจนกลายเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยว แหล่งแฟชั่น และแหล่งช็อปปิ้งสำคัญของเมืองจีนได้ขนาดไหน
ถ้าใครอยากจะไปสัมผัสความฮิปของกวางโจว และเซินเจินบอกเลยว่าสบายมาก สามารถจัดทริปแบบใช้วันลาไม่ต้องเยอะ แถมราคายังเป็นมิตรสบายกระเป๋า (แล้วเอาเงินไปถล่มกับการช็อปปิ้งแทน) และอย่าลืม เตรียมกระเป๋าให้โล่งๆ ไว้ เพราะมีเสื้อผ้าแฟชั่นและแก็ดเจ็ตล้ำๆ รอให้คุณสอยกลับมาเต็มไปหมด!
การเดินทางนั้น เราสามารถบินด้วยสายการบิน AirAsia จากสนามบินดอนเมืองตรงไปลงทั้งสองเมืองได้เลย สนนราคาไปกลับอยู่ที่ประมาณ 4000-5000 บาทเท่านั้น ส่วนที่พักก็มีให้เลือกหลายราคาหลายสไตล์ จะอยู่โรงแรมคืนละพันกลางๆ หรือ นอนในโฮสเทลราคาหลักร้อยก็มีให้เลือกตามความชอบและงบประมาณ
ส่วนความคิดที่บอกว่า มาถึงแล้วไม่รู้จะไปที่ไหน บอกเลยว่าไม่ต้องห่วง เพราะทั้งสองเมืองนี้มีย่านสุดชิค ตอบโจทย์ทั้งการช็อป ทั้งการถ่ายรูป ทั้งการชมความงามรอทุกคนอยู่ เช่น Redtory Art & Design Factory ศูนย์รวมความอาร์ตแห่งกวางโจว หรือ OCT Loft สเปซสุดครีเอทีฟของเซินเจิน
ที่สำคัญ ไปหนึ่งได้ถึงสอง! เพราะเราสามารถเดินทางข้ามไประหว่าง กวางโจว – เซินเจิน ได้ด้วยรถไฟความเร็วสูงโดยใช้เวลาเพียงแค่ 40 นาทีเท่านั้น รับรองไม่มีคำว่าไปเสียเที่ยว
เรามาสตาร์ทการสำรวจจีนยุคใหม่กันที่อดีตเมืองกายกรรมในความทรงจำอย่าง กวางโจว กันก่อน แน่นอนว่า ถ้าจะพูดถึงย่านที่ฮิปที่สุดของเมืองนี้ ร้อยทั้งร้อยต่างยกให้เป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องเป็นที่ Redtory Art & Design Factory ที่ใครได้ไปเยือนต้องบอกลาภาพจำความจีนแบบเดิมๆ ทิ้งไปได้เลย
จากแต่เดิมที่เป็นโรงงานผลิตอาหารกระป๋องอายุกว่า 50 ปีที่มีกำลังผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการจนต้องถูกปิดตัวลง สู่ พื้นที่ความคิดสร้างสรรค์ที่เปลี่ยนโรงงานและโกดังเก่าให้กลายมาเป็นย่านอาร์ตประจำเมืองที่เชื้อเชิญให้ทุกคนได้ออกมาพบปะกัน
Redtory Art & Design Factory อัดแน่นไปด้วยแกลลอรี่โชว์งานศิลปะ ร้านขายของดีไซน์สุดเก๋ และ ร้านอาหารร้านกาแฟสุดชิค ที่ซ่อนตัวอยู่ตามตึกเก่าและโกดังเก็บของ โดยเก็บโครงสร้างเดิมเอาไว้ รอคอยให้เราค่อยๆ เข้าไปสำรวจ เก็บภาพไว้เป็นแรงบันดาลใจ และอีกสถานที่ถ่ายรูปยอดฮิตอย่างรางรถไฟเก่าที่ไม่ว่าใครที่มาที่นี่ต้องแวะไปกดชัตเตอร์อัพขึ้นไอจีเป็นที่ระลึก อย่าลืมเผื่อเวลาให้กับที่นี่สักนิดนึง เพราะรับรองว่า ได้เดินเพลินจนหมดวันกันไปแบบไม่รู้ตัวแน่นอน
หากใครชื่นชอบบรรยากาศแสงสียามราตรี ต้องไม่พลาด ถนนคนเดินซ่างเซี่ยจิ๋ว (Shang Xia Jiu) ถนนคนเดินเลื่องชื่อที่แต่เดิมเป็นเส้นทางสู่ท่าเรือของเมืองกวางโจว บนถนนยาว 1.2 กิโลเมตรนี้มีร้านรวงมากกว่า 300 ร้านให้ทุกคนได้ช็อปกันอย่างเต็มอิ่ม สมศักดิ์ศรีเมืองกวางโจวแหล่งผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นยุคใหม่สุดทันสมัยของจีน
แลนด์มาร์กสำคัญของซ่างเซี่ยจิ๋วที่รอต้อนรับทุกคนคือตึกแมคโดนัลด์ที่ตั้งตระหง่านบริเวณหัวถนนที่ประดับประดาด้วยไฟสีสันสดใส ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตึกทรงโบราณแบบเก่าเข้ากับศิลปะไฟวิ่งสลับสีของโลกยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ความโด่งดังของถนนแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ความคึกคักของร้านค้าแฟชั่นเครื่องประดับที่มีตลอดค่ำคืน แต่ยังรวมถึงสตรีทฟู้ดและของกินแสนอร่อย เมนูเด็ดที่ต้องไปโดนคือ หอยนางรมย่างและหอยเชลล์อบเนย
และไม่ไกลจาก ซ่างเซี่ยจิ๋ว อีกสถานที่ที่ควรค่าแก่การไปแวะชมคือบ้านตระกูลเฉิน (Chen Clan Ancestral Hall) สัมผัสสถาปัตยกรรมแบบกวางตุ้งที่ละเอียดอ่อนและงดงาม ซึ่งแต่เดิมเป็นสถานที่เรียนหนังสือของเด็กๆ ในตระกูลเฉิน หนึ่งในตระกูลที่ใหญ่ที่สุดของกวางโจว ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนมาใช้เป็นที่เก็บป้ายบรรพบุรุษของคนในตระกูล และรัฐบาลได้ยื่นมือเข้ามาช่วยบูรณะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในที่สุด
อีกหนึ่งแหล่งช็อปปิ้งยอดนิยมประจำกวางโจว คือถนนปักกิ่ง (Beijing Lu) (ที่ไม่ได้อยู่ที่ปักกิ่งแต่อยู่ที่กวางโจว ) ย่านการค้าและถนนคนเดินซึ่งเปิดประตูต้อนรับให้ทุกคนมาละลายทรัพย์กันตั้งแต่เก้า โมงเช้ายาวกันไปถึงเที่ยงคืน วัดกันไปเลยว่าแรงหรือเงินจะหมดก่อนกัน
แน่นอนว่า ถนนปักกิ่งมีแบรนด์เนมชื่อดังยอดนิยมรอต้อนรับทุกคนให้เสียเงิน แต่ต้องบอกเลยว่า อย่ามองข้ามสินค้าแบรนด์จีนเป็นอันขาด สลัดภาพของจีนแดงแบบเดิมๆ ทิ้งไปให้หมด เพราะตอนนี้เมืองจีนได้พัฒนาระบบการผลิตให้ทันสมัย ใส่ใจคุณภาพ ดีไซน์ที่ออกแบบมาให้เกาะกระแสเทรนด์แฟชั่น และที่สำคัญ ราคาที่เป็นมิตรแบบสุดๆ ซึ่งมีตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ไปจนถึงอุปกรณ์กีฬา ให้เลือกซื้อกันตามอัธยาศัย
อีกความน่าสนใจของถนนปักกิ่งคือประวัติความเป็นมาที่มีอายุยาวนานกว่าพันปี เพราะแต่เดิมถนนเส้นนี้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่งซึ่งถนนโบราณในอดีตได้ถูกค้นพบขณะที่กำลังบูรณะเพื่อจะสร้างถนนแบบสมัยใหม่ แต่แทนที่จะสร้างของใหม่ทับของเก่า ทางการจีนได้เลือกวิธีสุดครีเอทอย่างการสร้างพื้นกระจกใสให้มองทะลุลงไปชมถนนโบราณเส้นนี้ได้ กลมกลืนโลกเก่าและโลกใหม่เข้าด้วยกันอย่างลงตัว
ถ้าใครมองหาบรรยากาศจับจ่ายแบบสบายๆ พร้อมได้ชมความงดงามและยิ่งใหญ่ของจีนในอดีตไปด้วย ถนนปักกิ่งเส้นนี้คือคำตอบ
ข้ามมายังเมืองที่ถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งนักก๊อปอย่าง เซินเจิน กันบ้าง
จากวันนั้นถึงวันนี้ เซินเจินได้อัพเกรดตัวเองมาเป็นแหล่งรวมตัวของนักพัฒนานวัตกรรมและนักประดิษฐ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เครื่องยืนยันชั้นยอดของความเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยีและการสร้างสรรค์ของเซินเจิน คงจะหนีไม่พ้นถนนหัวเฉียง (Huaqiang)
ถนนหัวเฉียงคือแหล่งขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขนาดยักษ์ประจำเมือง เรียกได้ว่า มีขายสินค้าไอทีทุกประเภทเท่าที่คุณจะนึกออก ไล่เรียงกันตั้งแต่อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าเบสิคๆ แก็ตเจ็ตล้ำๆ เคสโทรศัพท์สวยๆ สารพัดอุปกรณ์ตกแต่งมือถือ หูฟังดีไซน์เยี่ยม โดรนตัวจิ๋ว ไปจนถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สายลึกที่เกิดมาอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน จะสายผู้เชี่ยวชาญด้านประกอบคอม หรือคนที่สนใจแก็ดเจ็ตกุ๊กกิ๊กน่ารัก บอกเลยว่ามาย่านนี้ทีเดียวจบ ครบทุกสิ่งที่ต้องการ
พอมีแหล่งหาอะไหล่หรืออุปกรณ์กันได้สบายๆ แบบนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งแรงขับที่ช่วยสนับสนุนให้คนที่นี่สร้างสรรค์นวัตกรรมหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ออกมาได้ง่ายขึ้น รวมถึงบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีของโลกก็รวมกันอยู่ที่นี้ เราอยากให้มาที่เมืองนี้จริงๆ เมืองที่เต็มไปด้วยนักพัฒนา จนทำให้เซินเจินกลายเป็นเมืองเทคโนโลยีอันดับต้นๆ ของโลก ไม่ต่างกับซิลิคอน วัลเลย์
ถ้าพูดถึงแหล่งฮิปแห่งเซินเจิน เชิญได้ที่ OCT Loft แล้วคุณจะลืมภาพเก่าๆ เดิมๆ ของเมืองจีนไปตลอดกาล จนอาจจะต้องถามตัวเองว่าเมืองจีนเขาไปไกลกันขนาดนี้แล้วหรือเนี่ย!
OCT Loft คือโครงการพัฒนาเมืองใหม่ที่แปลงโฉมย่านอุตสาหกรรมผลิดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เดิมนามว่า OCT หรือ Oversea Chinese Town ให้เป็นเมืองครีเอทีฟสร้างสรรค์สุดโมเดิร์นบนเนินเขาซึ่งมีสถานที่ต่างๆ แบบครบวงจรตั้งแต่ที่พักอาศัย สวนสนุก มหาวิทยาลัย ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ!
เมื่อย่างเท้าก้าวเข้ามาใน OCT Loft สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความอาร์ตที่แฝงตัวอยู่ในทุกอณูของย่านนี้ ทั้งร้านอาหาร แกลลอรี คาเฟ่ และอาคารสำนักงานต่างๆ ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์และสไตล์การออกแบบที่ถูกคิดขึ้นมาเป็นอย่างดี แค่ได้เดินเล่นเยี่ยมชมก็ช่วยเติมพลังความคิดสร้างสรรค์ให้กลับมาเต็มปรี่อีกครั้ง
หากท้องเริ่มส่งเสียงเรียกร้องความเห็นใจ ที่นี่ก็มีโซนร้านอาหารและคาเฟ่ให้ไปนั่งพักผ่อนและอิ่มอร่อยกับของกินสุดอร่อย ร้านที่ต้องกระซิบบอกเลยว่าไม่ควรพลาด คือ My Noodle ร้านก๋วยเตี๋ยวเส้นสดที่ทำกันชามต่อชาม เส้นเหนียวนุ่มเคี้ยวเพลินพร้อมซุปรสกลมกล่อม มีให้เลือกทั้งเนื้อและหมู เติมพลังให้อิ่มท้องแล้วคว้ากล้องออกไปถ่ายรูปกับสารพัดมุมสวยกันต่อได้แบบสบายๆ
ถ้าพูดถึงสถานที่ตัวแทนของความฮิปและบรรยากาศที่จะบ่มเพาะให้ความคิดสร้างสรรค์ออกดอกผลิบานก็คงจะหนีไม่พ้นร้านกาแฟและร้านหนังสือ
แน่นอนว่า เซินเจินก็อุดมไปด้วยร้านกาแฟและร้านหนังสือที่น่าไปถ่ายรูปด้วย เอ้ย น่าไปแวะเวียนเยี่ยมชมอยู่เต็มไปหมด
ขออยู่ต่อกันที่ OCT Loft กันอีกสักนิด เพราะที่นี่มีร้านกาแฟที่ควรไปนั่งจิบกาแฟพร้อมเก็บภาพด้วยอย่าง My Coffee ที่ให้คุณนั่งละเลียดกาแฟท่ามกลางความหอมสดชื่นของดอกไม้พร้อมกลิ่นอายจากงานอาร์ตที่กระจายอยู่ทั่วร้าน และ ร้านหนังสือชื่อดังประจำเมืองอย่าง Old Heaven Book แหล่งรวมตัวของคนทำหนังสือและงานสร้างสรรค์ ที่ไม่ได้ขายเพียงหนังสือ แต่ยังมีมุมขายแผ่นเสียงและเทปคาสเซ็ทชวนให้คิดถึงบรรยากาศของวันวานอีกด้วย แถมบางวันยังมีการแสดงดนตรีอีกด้วยนะ
และไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะร้านหนังสือและร้านกาแฟในเซินเจินนั้นมีหลากหลายสไตล์ให้ได้ไปลอง ไม่ว่าจะเป็น Shenzhen Book City ร้านหนังสือที่ขนานนามตัวเองว่าเป็นร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลก 24 Book Bar ร้านหนังสือพร้อมคาเฟ่สุดชิลให้คุณเพลิดเพลินได้ตลอด 24 ชั่วโมง 3D Coffee ร้านกาแฟสุดล้ำที่มาพร้อมบริการ 3D Printing พิมพ์ได้ทั้งของกินและของที่ระลึก หรือ ถ้าอยากดื่มด่ำกับกาแฟอย่างเต็มที่ ขอเชิญได้ที่ Beans to Dance ร้านกาแฟสุดพิถีพิถันที่จริงจังกับการชงกาแฟโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับคอกาแฟจริงจังที่อยากชิมกาแฟชั้นยอด
มาถึงตรงนี้ คุณคงจะเริ่มสลัดภาพเมืองจีนแบบเก่าๆ ที่เคยดูในหนัง และอาจเริ่มอยากเก็บกระเป๋าไปเจอกับบรรยากาศสร้างสรรค์ พร้อมช็อปปิ้งเสื้อผ้าแฟชั่นราคาโดนใจ และแก็ดเจ็ตคุณภาพดีราคาสบาย จากสองเมืองทันสมัยยุคใหม่ของจีนอย่างกวางโจว และเซินเจินบ้างแล้ว
ถ้าพร้อมแล้วอย่ารอช้า โบนัสออกไปจองตั๋วบินไปกวางโจว และเซินเจินกันได้ที่ AirAsia กับความสะดวกแบบสุดๆ บินตรงต่อเดียวถึงจากดอนเมืองถึงเมืองที่ต้องการทันที แนะนำว่าสามารถบินไปลงกวางโจวกลับเซินเจิน หรือลงที่เซินเจินกลับกวางโจวได้เลย การเดินทางระหว่างเมืองก็สะดวกมากเพราะมีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมทั้งสองเมืองเข้าด้วยกันด้วยเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ทริปเดียวเที่ยวได้สองเมือง แถมเวลาบินก็เป็นใจ ออกจากประเทศไทยช่วงค่ำ ประหยัดวันลาเพิ่มได้อีกตั้งหนึ่งวันด้วย รับรองว่าประสบการณ์สุดพิเศษที่รอคุณอยู่ที่กวางโจวและเซินเจิน จะทำให้คุณมองประเทศจีนไม่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน
ซื้อตั๋ว ส่งใบลา เตรียมกระเป๋าว่างๆ แสตนด์บายรอช็อป อย่าเชื่อเราทั้งหมด เพราะของแบบนี้ต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง!