ใกล้จะสิ้นปีแบบนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ต้องเห็นสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เป็นตัวแทนของความสุขไปปรากฏอยู่ทุกที่
อย่างสถานที่สำคัญที่ตกแต่งด้วยไฟประดับสว่างสดใส อาร์ตเวิร์คบนบิลบอร์ดโฆษณาที่ต้องมีกิมมิกสนุกๆ ให้รู้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง สินค้าต่างๆ ที่พร้อมในกันออกคอลเลคชันพิเศษรับปีใหม่ กระทั่งในหน้าจอสมาร์ทโฟนที่การส่งอิโมติคอนแทนความรู้สึกกัน
หนึ่งในนั้นคืออีโมติคอนหน้ายิ้ม Smiley สัญลักษณ์แห่งความสุขที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งใน Pop Culture ที่ทรงอิทธิพลต่อโลกมากว่าค่อนศตวรรษแล้ว ด้วยความเรียบง่ายของวงกลมสีเหลืองสดใส มีเพียงแค่ตาสองจุดและปากหนึ่งเส้น แต่กลับเต็มไปด้วยความสุขที่เปล่งประกายออกมา ทำให้ Smiley กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สามารถสื่อสารความรู้สึกได้แบบ universal จะเชื้อชาติไหนก็เก็ตได้ไม่ต่างกัน มันจึงมักจะไปปรากฏอยู่ตามสื่อ สินค้า หรือพื้นที่ต่างๆ แทบทุกที่ทั่วโลก ไม่ว่าใครที่ได้เห็นก็เป็นต้องอมยิ้มและมีความสุขไปตามกันๆ
ลองไปสำรวจกันดูว่า ตลอดระยะเวลากว่า 47 ปีที่ผ่านมา Smiley ไปปรากฏที่ไหนบ้างและสร้างความสุขให้กับผู้คนได้อย่างไร
รอยยิ้มแรกบนหน้าหนังสือพิมพ์
เดิมทีสัญลักษณ์ของ Happy Face หรือหน้ายิ้มเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของ Pop Culture ที่เป็นตัวแทนของความรักและสันติภาพที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ยุค 70’s แต่พื้นที่แรกที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ Smiley เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการ เกิดขึ้นเมื่อ Franklin Loufrani นักข่าวชาวฝรั่งเศสเลือกใช้สัญลักษณ์อีโมติคอนหน้ายิ้มแทนไฮไลท์คอลัมน์ส่วนที่เป็นข่าวดีในหน้าหนังสือพิมพ์ France Soir ฉบับวันที่ 1 มกราคม 1972 จนทำให้คนอ่านได้รับข่าวสารดีๆ ไปพร้อมๆ กับสัญลักษณ์รอยยิ้มอันเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความสุขที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ก่อนที่ในปี 1996 ชื่อของ Smiley Company ก็ถือกำเนิดขึ้นที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Smiley เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
รอยยิ้มดิจิทัลที่ไม่มีวันออฟไลน์
ในปี 1997 เพียงแค่หนึ่งปีถัดมา หลังจากที่ก่อตั้ง Smiley Company ลูกชายของ Franklin Loufrani อย่าง Nicolas Loufrani ก็ได้เข้ามาพัฒนา Smiley ให้กลายเป็นกราฟิกอีโมติคอนหรือไฟล์ GIF ที่ปรากฏเป็นครั้งแรกในโลกดิจิทัล เพื่อตอบรับกระแสของเทคโนโลยีที่กำลังมาในช่วงนั้น หน้า Smiley ที่แสดงออกถึงอารมณ์ต่างๆ ได้รับการบันทึกอยู่ใน Smiley Dictionary กว่าพันแบบ เปลี่ยนพฤติกรรมการสื่อสารของผู้คนไปตลอดกาล เพราะจนถึงทุกวันนี้ การสื่อสารผ่านตัวอักษรในโลกโซเชียลฯ ก็ยังคงมีการใช้อีโมติคอนเพื่อสื่อสารอารมณ์ต่างๆ โดยเฉพาะการแสดงออกถึงความสุขอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย
รอยยิ้มที่ไหลไปกับแฟชัน
เป็นที่รู้กันว่า เสน่ห์ของเจ้า Smiley เมื่อได้ไปร่วมกับแบรนด์แฟชันแบรนด์ไหน ก็สามารถกลมกลืนเข้ากับแบรนด์นั้นๆ ได้อย่างลงตัว โดยไม่ยึดติดกับการออกแบบที่เป๊ะๆ อย่างเดียวเท่านั้น ขึ้นอยู่กับดีไซเนอร์ที่จะสร้างสรรค์ให้เจ้าหน้ายิ้มไปปรากฏอยู่บนเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับต่างๆ ด้วยวิธีการไหน เพียงแค่ทำให้คนที่สวมใส่หรือคนที่พบเห็น ได้รับรู้ถึงความสุขที่แอบซ่อนอยู่ในรอยยิ้มสีเหลืองก็น่าจะเป็นสิ่งที่ Smiley ทำได้สำเร็จแล้ว เปรียบเหมือนดีเอ็นเอความสุขที่ลบออกไม่ได้ ซึ่งแบรนด์เสื้อผ้าแฟชันระดับท็อปของโลกที่คนไทยรู้กันดีอย่าง TopShop, H&M, Zara, Fendi หรือ Marc Jacobs ก็เคยออกคอลเลคชันพิเศษร่วมกับ Smiley มาแล้วทั้งสิ้น
รอยยิ้มที่กินได้
นอกจากแบรนด์เสื้อผ้าแล้ว ภายใต้ชื่อของแบรนด์ SmileyWorld ยังแตกไลน์สินค้าหลากหลาย ทั้งของใช้ ของสะสม ของขวัญ ของเล่น สมุดไดอารี่ ปฏิทิน เครื่องเขียน ฯลฯ เรียกว่าอยู่ในทุกอณูของการใช้ชีวิตเลยทีเดียว แต่สินค้าที่น่าสนใจที่สุด คือ Smiley ในรูปแบบของอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งน้ำผลไม้ ขนมสแน็ค ไปจนถึงอาหารแช่แข็ง เพียงแค่เห็นแล้วมีความสุขยังไม่พอ ต้องกินได้ด้วยถึงจะเรียกว่าเป็นรสชาติความสุขที่แท้จริง
รอยยิ้มที่สัมผัสได้จริง
ได้เห็นเจ้า Smiley ไปปรากฏอยู่ทุกหนแห่งขนาดนี้แล้ว ลองไปสัมผัสกับ Decoration ของ Smiley ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล
ภายใต้การบริหารของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ตั้งใจมอบให้เป็นตัวแทนแห่งความสุขส่งท้ายปีและส่งต่อรอยยิ้มต้อนรับปีใหม่ ซึ่งความพิเศษของ Decoration คือความเซอร์ไพรซ์ที่ Smiley แอบซ่อนรอยยิ้มแห่งความสุขอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วทั้งศูนย์การค้า ทั้งแลนด์มาร์ก Smiley สีทองขนาดใหญ่ที่สูงกว่า 3 เมตร ชิงช้าสวรรค์ Smiley ที่หมุนขับเคลื่อนความสุข Smiley ที่ต่อตัวเรียงกันเป็นกวางเรนเดียร์และ Snowman ชวนอมยิ้ม หรือจะเป็น Smiley ที่แอบซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ ทั้งลิฟต์ ป้ายหน้าห้องน้ำ กระทั่งพื้นลานจอดรถ รับรองว่าเห็นเมื่อไรเป็นต้องเผลอยิ้มออกมาอย่างแน่นอน
ชวนมารับมอบความสุขจากรอยยิ้มของ Smiley ไปด้วยกัน ตั้งแต่วันนี้ – 7 มกราคม 2562 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา และเซ็นทรัลเฟสติวัลทุกสาขา
