ในวันที่โลกการทำงานเต็มไปด้วยความกดดันจากเป้าหมายที่สูงขึ้น การแข่งขันที่ดุเดือด และความไม่แน่นอนของชีวิต ทำให้งานกลายเป็นแหล่งพลังงานที่บั่นทอนใจได้ง่ายกว่าที่เคย
ความคาดหวังจากโลกภายนอกบอกเราว่างานที่มั่นคงคือที่สุดแห่งความปรารถนา แต่วันนี้คนทำงานเริ่มมองหามากกว่านั้น บางสิ่งที่เติมไม่เต็มด้วยเงินเดือนหรือตำแหน่งการงาน
แล้วอะไรคือสิ่งที่เติมเต็มหัวใจคนทำงานในยุคนี้ล่ะ?
SC Asset ในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืนของทั้งธุรกิจและบุคลากร ได้ค้นพบคำตอบนั้นและนำมาดีไซน์ให้เป็นรากฐานของวัฒนธรรมองค์กร และนั่นคือการจุดประกายแนวคิด Gratitude Mindset ผ่านแคมเปญ Inside SC | ขอบคุณ…ที่ทำงาน
เราชวน คุณจูน-โฉมชฎา กุลดิลก Senior Executive Vice President – Corporate Brand and Communications ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบ ‘หัวใจ’ ให้กับ SC Asset มาถอดรหัสว่า ‘คำขอบคุณ’ เล็กๆ คำเดียว จะกลายเป็นพลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้อย่างไร

Inside SC: เมื่อองค์กรเลือกที่จะ ‘ดีไซน์’ แทนการปล่อยเป็น ‘Default’
เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจก่อนว่า Inside SC คืออะไร? คุณจูนอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างแบรนด์ที่คุยกับลูกค้าภายนอกกับแบรนด์ที่คุยกับคนทำงานเอาไว้อย่างเข้าใจง่ายๆ
“ถ้า SC Asset คือแบรนด์ของบริษัทเราในฐานะที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บ้าน คอนโด โรงแรม สำหรับ Consumer ลูกค้าของฝั่ง SC Asset คือคนที่มาซื้อบ้าน คนที่มาซื้อคอนโด คนที่มาใช้โรงแรม แต่ Inside SC เป็นชื่อแบรนด์ของ Employer Branding ของ SC Asset ในฐานะผู้ว่าจ้าง แต่ว่า Target ของ Inside SC ก็คือคนทำงาน คนทำงานก็คือ Talent ทั้งหลายที่จะมีโอกาสได้เข้ามาทำกับเรา หรือแม้กระทั่งพนักงานของเราเองที่ทำอยู่แล้ว”
ในองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานกว่า 1,400 คน การปล่อยให้ตัวตนขององค์กรเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจึงเป็นไปไม่ได้ เพราะคนบนโลกนี้ช่างหลากหลายและเติบโตมาแตกต่างกัน การออกแบบวัฒนธรรมจึงกลายเป็นภารกิจสำคัญของ Inside SC
“องค์กรทุกองค์กรพอคนมารวมกันเยอะๆ วัฒนธรรมและความเป็นตัวตนแบรนด์ย่อมเกิดขึ้นอยู่แล้ว มันอยู่ที่ว่าคุณจะดีไซน์มัน หรือคุณจะปล่อยมันเป็น Default”
เมื่อ SC Asset เลือกที่จะ ‘ดีไซน์’ ก็คือการสร้างเข็มทิศที่ชัดเจนและจับต้องได้ เพื่อให้คนจำนวนมากทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและมีความสุข นั่นคือการหล่อหลอมด้วยวัฒนธรรมหลัก 4Cs ที่มี ‘Care’ เป็นหัวใจ

4Cs รากฐานแห่งความเข้าใจที่ออกแบบมาเพื่อคนทำงาน
คุณจูนเล่าว่า 4Cs ไม่ได้ถูกคิดขึ้นมาแบบไม่มีเรื่องราว แต่มันคือแกนหลักที่ถูกจัดลำดับความสำคัญให้เชื่อมโยงกันกับปรัชญาของ SC Asset ‘For Good Mornings’ หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ เราทำเพื่อเช้าที่ดีของผู้คน โดยเริ่มจาก Care ซึ่งเป็น C ตัวที่เป็นดีเอ็นเอที่ติดมากับ SC Asset มาช้านาน
• Care คือจุดตั้งต้นของทุกสิ่ง การแคร์ในที่นี้ ไม่ได้จำกัดแค่การดูแลลูกค้าเท่านั้น แต่คือการแคร์ซึ่งกันและกันระหว่างเพื่อนร่วมงานในองค์กรอย่างจริงใจด้วย เมื่อเราเปิดใจแคร์แล้ว เราจะเกิดการสังเกต เห็นความทุ่มเท และเห็นคุณค่าของงานที่คนอื่นทำ นี่คือรากฐานที่นำไปสู่การขอบคุณ
• Courage เมื่อมีพื้นฐานของการแคร์แล้ว เราจึงจะมีความกล้าที่จะทำสิ่งใหม่ๆ กล้าที่จะทดลอง กล้าที่จะยอมรับความผิดพลาด และกล้าที่จะสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ Courage จึงถูกออกแบบมาเพื่อให้พนักงานกล้าพูดต่อกันในสิ่งที่เราเห็นต่างและกล้าที่จะยอมรับฟังกัน เมื่อเขารู้สึกว่าที่นี่คือพื้นที่ปลอดภัยที่สามารถพูดสิ่งที่เขาคิดเห็นแตกต่างได้ ก็จะทำให้พนักงานกล้าออกจาก Comfort Zone โดยไม่รู้สึกถูกคุกคาม
• Collaboration ในการทำงานที่ซับซ้อนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ความสำเร็จเกิดขึ้นจากทีมที่ทำงานร่วมกันแบบไร้รอยต่อ Collaboration จึงเป็นทักษะที่ต้องถูกสนับสนุนให้เกิดขึ้นอย่างเข้มแข็ง ทุกคนต้องพร้อมที่จะเป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ เพื่อนำพางานให้สำเร็จลุล่วงไปได้
• Continuous Improvement เมื่อโลกไม่หยุดนิ่ง การพัฒนาตัวเองและองค์กรอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ การเรียนรู้จากความผิดพลาดและการนำ Feedback มาปรับปรุงอยู่เสมอ คือสิ่งที่ทำให้ SC Asset ยังคงเป็นองค์กรที่ก้าวทันโลก

‘Freedom to be Our Best’ ในแบบของคนทำงานยุคใหม่
ในยุคที่คนรุ่นใหม่มองหามากกว่าแค่ความมั่นคง คุณจูนในฐานะหนึ่งในผู้ดีไซน์รากฐานของวัฒนธรรมองค์กรเข้าใจดีว่า ‘ความยืดหยุ่น’ คือสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการดึงดูดและรักษาบุคลากร เพราะเหล่า Gen Z ในปัจจุบันไม่ได้ถามว่าเงินเดือนเท่าไหร่อีกต่อไป แต่ถามว่า ทำงานที่ไหนได้บ้าง มีเวลาใช้ชีวิตไหม
ด้วยความเข้าใจนี้ SC Asset จึงได้ออกแบบสวัสดิการที่ตอบโจทย์ชีวิตจริงของคนทำงาน เพื่อมอบอิสระให้พวกเขาได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ไม่ว่าจะเป็น Workcation Leave วันลาพักผ่อน 10 วัน ที่พนักงานสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ เพื่อให้เกิดสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน Father Leave วันลาสำหรับคุณพ่อมือใหม่ ให้สามารถอยู่กับครอบครัวได้อย่างเต็มที่ตลอดเดือน โดยสามารถทำงานออนไลน์ควบคู่ไปได้ หรือแม้แต่ออฟฟิศที่ออกแบบเพื่อชีวิตจริง พื้นที่ทำงานภายในบริษัทไม่ได้มีแค่โต๊ะ แต่มีทั้งโซนสำหรับทำงานจริงจังและโซนผ่อนคลาย เช่น มุมดริปกาแฟ หรือมุม Bean Bag เพื่อให้ทุกคนสามารถเลือกพื้นที่ที่เหมาะกับการทำงานในเวลานั้นๆ
Freedom to be Our Best ก็คือสิ่งที่องค์กรจะให้คุณคือ Freedom สิ่งที่เราขอกลับมาคือ Your Best นะ

Gratitude Mindset: ความแคร์ที่มาพร้อมกับ ‘ความเข้าใจ’
แต่หัวใจหลักของ Inside SC ในปีนี้ คือการเปลี่ยนคำว่า ‘แคร์’ ให้เป็นพลังงานบวกที่จับต้องได้ ด้วยการจุดประกาย Gratitude Mindset ที่คุณจูนย้ำว่ามันลึกซึ้งกว่าแค่คำพูดธรรมดาๆ
“บางทีมันอาจจะไม่ใช่แค่คำขอบคุณนะ แต่เป็นความรู้สึกที่เรารู้ว่าเขาเห็นว่าเราทำงานหนัก ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดขอบคุณด้วยซ้ำ”
คุณจูนเชื่อว่าพลังของคำขอบคุณคือกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะมันคือการสร้างวงจรบวกและเติมเต็มความหมายของคำว่า ‘ที่ทำงาน’ ให้มีคุณค่ามากกว่าเดิม และเพื่อให้ Gratitude Mindset ไม่ใช่แค่แนวคิดนามธรรม SC Asset จึงได้สร้างกลไกที่จับต้องได้ขึ้นมา นั่นคือระบบ ‘ส่งดาวขอบคุณ’ ผ่านแอปพลิเคชัน SC in One โดยพนักงานทุกคนจะได้รับดาว 4 ดวงต่อวัน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทน 4Cs และสามารถส่งดาวพร้อมเขียนโน้ตขอบคุณเล็กๆ เพื่อเติมกำลังใจให้เพื่อนร่วมงานได้ทุกวัน
“ตั้งแต่เปิดแอปนี้มา เราส่งกันเป็นล้านดวงแล้ว เดือนหนึ่งเฉลี่ย 15,000 กว่าดวง” ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่าวัฒนธรรมการขอบคุณได้ฝังรากลึกภายในองค์กรไปแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญกว่าจำนวนดาว คือความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อดาวดวงนั้นถูกส่งมาในวันที่เราอ่อนล้า
คุณจูนเล่าต่อว่าการส่งดาวมักเกิดขึ้นใน 2 เหตุการณ์หลัก คือวันที่เราทำความดี หรือวันที่เพื่อนร่วมงานสังเกตเห็นความเหนื่อยของเรา
“ส่วนมากเรามักจะได้ดาวในวันที่ 1) วันที่เราทำอะไรดีๆ ให้กับคนอื่น 2) วันที่มีคนสังเกตเห็นว่าเราเหนื่อย โดยเฉพาะวันที่เขาสังเกตเห็นว่าเราเหนื่อย แล้วพอเรามาอ่านแล้วเรารู้ว่าเขาเห็น โคตรฟิน ขนาดพี่เป็นคนไม่ค่อยเหนื่อย แต่ก็มีวันที่เหนื่อยนะ แล้วน้องๆ ในทีมเขาเห็น แล้วกลับบ้านมาดาวเด้งอย่างนี้ ส่งมาบอกว่ารู้ว่าตั้งใจ ขอบคุณมากเลยพี่จูนที่เข้มแข็งให้พวกเรา รู้ว่าเหนื่อย อย่าลืมพักผ่อน พี่หายเหนื่อยเลยนะ รู้สึกว่าพร้อมที่จะลุยต่อ”

นอกจากนี้ คุณจูนยังเล่าถึงพลังของการรับรู้ที่ส่งผลต่อทีมงานหลังการขาย ซึ่งเป็นกลุ่มที่แบกรับความกดดันสูงและงานที่มักจะถูกมองข้าม เธอจึงเลือกที่จะนำเรื่องราวความทุ่มเทของพวกเขามาเชื่อมโยงกับสัญลักษณ์ที่ทรงพลังที่สุดขององค์กรอย่าง ‘ดอกทานตะวัน’ เพื่อส่งต่อความขอบคุณที่ลึกซึ้งกว่าแค่คำพูด
“พี่ไปพูดขอบคุณเขา บอกว่าดอกทานตะวันพี่ไม่ได้คิดเองนะ ไม่ได้อยู่ดีๆ นั่งเทียนเขียน มันเกิดจากเราไปนั่งดูพฤติกรรมพวกเขาที่โครงการ แล้วเห็นเวลาลูกค้าขยับเขาก็วิ่งแล้ว สำหรับ SC ลูกค้าเหมือนดวงตะวันดังนั้นดอกทานตะวันพี่คิดมาจากพวกเขา พี่ก็บอกว่าขอบคุณมากที่ทำให้องค์กรเราโดดเด่น เพราะว่าพวกคุณเลย”
“แล้วกลับบ้านมามีดาวที่ส่งมาจากเขา เป็นคำขอบคุณที่เขียนยาวมาก เขาบอกว่า เขาเกือบจะท้อไปแล้ว แต่พอได้รู้ว่าดอกทานตะวันมันถูกคิดมาจากพวกเขา เขารู้สึกว่านี่มันคือสิ่งที่เยียวยาหัวใจมากเลย ทำให้เขาพร้อมที่จะสู้อีก อะไรแบบนี้มันทำให้เรามีแรงในการเดินต่อ”
นี่คือภาพสะท้อนที่ชัดเจนที่สุดของการที่องค์กรได้ส่งต่อ Gratitude Mindset และจิตวิญญาณของการแคร์ในทางปฏิบัติจริงแก่พนักงานทุกคน เพราะสุดท้ายแล้ว หัวใจของคำขอบคุณนั้นอยู่ที่ความจริงใจและการมองเห็นซึ่งกันและกันนั่นเอง

เมื่อ Vibe ที่ดีเปลี่ยนเป็นพลังแห่งความสร้างสรรค์
คำถามคือ การลงทุนในวัฒนธรรมและการให้ความยืดหยุ่น สร้างความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้จริงหรือ?
คุณจูนให้คำตอบที่ชัดเจนและจับต้องได้โดยเริ่มต้นจากแผนกเล็กๆ ของเธอเอง ที่วัฒนธรรม Gratitude Mindset ได้เปลี่ยนวิถีการทำงานไปอย่างสิ้นเชิง
“พี่ว่าแผนกพี่มี Vibe มี Subculture ที่ดีมาก หมายถึงว่า ทุกๆ วันพี่จะได้ดาวจากน้องๆ แล้วเราก็ส่งต่อให้กัน เพราะพอมันได้แล้วเราก็อยากส่งต่อ เวลาเราได้อะไรเราก็อยากให้ เพราะเรารู้สึกดี เรารู้สึกว่าเราอยากให้คนอื่นรู้สึกดีแบบนี้บ้าง”
สิ่งนี้ส่งผลโดยตรงต่อความสัมพันธ์และการทำงานร่วมกันภายในทีมอย่างน่าทึ่ง เมื่อความสัมพันธ์สนิทสนมกัน การทำงานร่วมกันก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น งานที่เคยเป็นเรื่องที่ต้องเกรงใจก็หายไป ความกล้าที่จะแสดงความเห็นหรือติติงกันอย่างสร้างสรรค์จึงเกิดได้ง่ายขึ้น
“พอ Relationship มันดีปุ๊บ การทำงานร่วมกันมันก็ดีตามไปด้วย หมายถึงว่าพอมันสนิทกัน ก็กล้าที่จะพูดตรงๆ ว่าอันนี้ไม่ดี หรือกล้าที่จะให้ Feedback กัน งานที่ได้จึงเป็นการที่ Build on Ideas กันขึ้นไป”
นอกจากนั้น วัฒนธรรมที่เปิดใจนี้ยังช่วยลดความตึงเครียดในแผนกงานที่มักจะถูกมองว่าดุหรือเข้มงวด เช่น แผนกกฎหมาย บัญชี หรือฝ่ายบุคคล ที่ SC Asset บรรยากาศเหล่านั้นได้ถูกทลายลง
“บัญชีบริษัท SC ไม่ดุค่ะ ปกติเราจะกลัวบัญชี กลัวฝ่ายกฎหมาย ออดิท แต่ที่ SC ไม่ดุ เราคุยกับเขาได้ แต่ถ้าผิด เขาก็จะมาบอกว่าอันนี้ผิด แต่ว่าจะไม่ได้เป็นบรรยากาศน่ากลัว แบบต้องคลานเข่า เราไม่มีบรรยากาศแบบนั้น”
สุดท้ายแล้วอิมแพคที่เกิดขึ้นจาก Gratitude Mindset และ 4Cs จึงไม่ใช่แค่การวัดตัวเลข Engagement Rate ที่สูงขึ้นหรือ Turnover ที่ลดลงเท่านั้น แต่คือการสร้างมิตรภาพและความเชื่อใจในทุกระดับการทำงาน ตั้งแต่ซีอีโอไปจนถึงพนักงานทุกแผนก ซึ่งล้วนเป็นพลังงานบวกที่ช่วยให้งานที่ต้องใช้การระดมสมองซับซ้อนได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

จุดประกายในวันที่ยาก
ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนนี้ หลายคนอาจรู้สึกเหนื่อยล้ากับการทำงานเป็นพิเศษ คุณจูนจึงย้ำว่า ‘ความเมตตา’ (Kindness) คือสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ทุกคน โดยเฉพาะในที่ทำงาน แม้ว่า SC Asset จะสร้างบรรยากาศแห่งความแคร์ เข้าอกเข้าใจ และยืดหยุ่นภายในองค์กรแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการส่งต่อแนวคิดนี้ออกไปสู่สังคม คุณจูนจึงอยากให้แคมเปญ Inside SC | ขอบคุณ…ที่ทำงาน ทำหน้าที่เป็นเหมือนการจุดประกายเล็กๆ ที่ทุกคนสามารถเริ่มต้นได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้องค์กรสร้างระบบขึ้นมา
“ก็เลยอยากจะจุดประกายให้คนมาทำงานค่ะ ให้ทุกคนลองพูดคุย หมั่น Appreciate สังเกตกัน ถ้าคุณพูดขอบคุณไม่เป็น ลองเขียนก็ได้ ส่งข้อความไปหาเขา เช่น วันนี้เหนื่อยใช่ปะ เอาโค้กวางไว้ให้บนโต๊ะนะ ลองฝึกทำ…พี่ว่ามันเป็น Little Act of Kindness มันเป็นความ Kind ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ในที่ทำงานค่ะ”
และนี่คือสิ่งที่ Inside SC อยากส่งต่อผ่านแคมเปญ Inside SC | ขอบคุณ…ที่ทำงาน ว่า Gratitude Mindset ไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรมากมาย แต่สามารถเริ่มต้นง่ายๆ จาก ‘การรับรู้คุณค่าและมองเห็นกันและกัน’ ในทุกๆ วัน
เพราะทุกคำขอบคุณอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวันที่ดี ทั้งกับตัวเราเองและคนรอบข้าง มาร่วมส่งต่อพลังใจเล็กๆ ที่เปลี่ยน “ที่ทำงาน” ให้กลายเป็น “ที่ของใจ” ไปด้วยกันได้ที่ https://m.scasset.com/iRx_