“แกเวียดนามน่าไปมากกก ฉันเห็นเขารีวิวกันสวยมากอยากไปถ่ายรูป”
“ZARA เซล 70% มึงไปเป็นเพื่อนหน่อยเดี๋ยวไม่ทัน”
“บาร์นี้ไฟสวยมาก เห็นบาร์เทนเดอร์แล้วอยากห่อกลับบ้านเลย”
“ผมนั่งนับนิ้วแล้วว่าปี 2018 มีวงเมืองนอกมาจัดคอนเสิร์ตมากกว่า 20 วง ไม่รวม Music Festival อีกนะครับ ไม่รู้ว่าผู้จัดเขาจะรู้ไหมว่า แฟนเพลงบัตรเครดิตตัวแดงหมดแล้ว”
ประโยคเหล่านี้คุณอาจจะเคยเจอบ้างเวลาเพื่อนสนิททักแชทมาหา หรือบางทีเราก็เป็นคนพิมพ์ไปหาเอง การติดต่อสื่อสารที่รวดเร็ว และง่ายขึ้นทำให้โฆษณามาถึงเราง่ายขึ้นเช่นกัน สวนทางกับเงินเก็บของเราที่น้อยลงไปจนหลายครั้งต้องรูดบัตรเครดิตจนเกือบเต็มวงเงิน
ออกไป… ไปเที่ยวเก่ง
อินเทอร์เน็ตทำให้เราอยากเดินทาง ในเมื่อค่าตั๋วเครื่องบินก็ไม่ได้แพงเหมือนสมัยก่อน รายได้ของคนทำงานยุคนี้ก็พอจะจ่ายค่าเครื่องบิน และบัตรเครดิตก็มีวงเงินที่พอจะทำให้เราใช้ชีวิตรอดในต่างแดนได้อย่างไม่อดอยากจนเกินไป
การออกไปเที่ยวเก่งไม่ใช่เรื่องแย่ การเดินทางไปต่างแดน ในบางวัฒนธรรมถือว่าเป็นเรื่องที่คนหนุ่มสาวต้องปฏิบัติ เพื่อเปิดประสบการณ์ให้ตัวเอง เรียนรู้วัฒนธรรม และอาจเป็นการค้นหาตัวเองในรูปแบบหนึ่ง
แต่การไปเที่ยวบ่อยๆ ในประเทศไทย ที่ค่าแรงไม่ได้ขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ และรัฐสวัสดิการไม่ได้ดีขนาดที่เราจะใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับการเดินทางได้ บางทีเราอาจต้องคิดทบทวนค่าใช้จ่ายในการเดินทางแต่ละปี ว่าหมดไปเท่าไหร่ เพื่อคิดว่าการเก็บเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน หรือซื้อประกันสุขภาพอาจจะดีกว่าการไปเที่ยวต่างประเทศ 1 ทริป แต่ถ้าคุณรักที่จะเดินทางก็ไม่เป็นไรออกไปเที่ยวเถอะ
ศิลปินคนนี้ฉันชอบมาก เดือนหน้ามีคอนเสิร์ตที่ไทย
ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบบรรยากาศของคอนเสิร์ต และเคยโหยหาว่าทำไมวงดนตรีต่างประเทศ ไม่ว่าจะวงอินดี้ หรือวงใหญ่ระดับโลก ไม่มาเล่นที่ไทยบ้างบินเฉียดไปเฉียดมา ไม่แวะมาประเทศไทยเลย ปี2018 อาจเป็นปีที่คุณเล่นกิจกรรมขอบัตรฟรีมากที่สุด เพราะคอนเสิร์ตเยอะ เสียเหลือเกิน ลองมานับเงินค่าตั๋วคอนเสิร์ตด้วยกัน โดยคิดว่าทุกคอนเสิร์ตค่าบัตร 1,000 บาท เราไปสัก 10 งาน ก็ประมาณ 10,000 บาท ถือว่าไม่เยอะไม่น้อย แต่ยังไม่ได้รวมค่าเบียร์ ค่าเดินทางเข้าไปอีก เอาว่าใครชอบก็ไปครับ แต่ถ้าจะไปดูมันทุกวง อาจจะเปลืองเงิน หรือไม่ได้อินกับวงที่ไม่ได้ชอบมากสักเท่าไหร่ เพราะไปเป็นเพื่อนเพื่อน เอาว่าไปดูคอนเสิร์ตแต่พอดี ผู้จัดโปรดเห็นใจเงินเก็บหมดแล้ว
ป้ายสีแดงที่ทำให้ใจเราเต้นรัว… ของเซล !!!
การที่หัวใจเราเต้นรัวเวลาเห็นป้ายเซลไม่ใช่สิ่งผิด และการซื้อของเซลไม่ใช่ปัญหา แต่การซื้อมากเกินไป อาจทำให้เป็นภาระตู้เสื้อผ้าของคุณได้
สังคมไทยควรมีเวิร์คชอปการจัดการตู้เสื้อผ้า และของเซลเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเงิน และเสื้อผ้าในตลาดให้มากขึ้น โชคดีที่โซเชียลมีเดีย ช่วยให้เราสามารถขายของมือสองได้ โดยไม่ต้องเช่าที่ แค่โพสต์ในอินเทอร์เน็ต ก็ขายของได้แล้ว ทำให้ของเซลไม่เป็นภาระมากเท่าที่ควรแต่ถ้าคุณเป็นคนหวงของ ไม่ชอบปล่อยของ อาจกลายเป็นการสะสมจนมากเกินไป และกลายเป็นขยะได้จากการทิ้งไว้อย่างนั้น
อย่าให้ของเซลขัดขวางการเก็บเงินของคุณ ให้ความรู้สึกใจเต้นเวลาเห็นป้ายเซลเปลี่ยนเป็นเงินออมกันเถอะ
ทุกคืนวันศุกร์ ฉันนอนไม่ค่อยจะหลับ
สำหรับคนที่เป็น Introvert คุณข้ามภาพนี้ไปดูภาพต่อไป ก่อนจะถึงโฆษณาในหน้าสุดท้ายก็ได้แต่ Extrovert มนุษย์ที่มักกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายในโฆษณารถยนต์ ให้ออกไปใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยง ผู้รับพลังจากคนอื่นเข้ามาในตัว คืนวันศุกร์ที่บาร์ และไนท์คลับคล้ายกับการเข้าไปศาสนสถานที่ทำให้พลังของเขากลับมา
ชีวิตคืนวันศุกร์ที่มีแสงไฟดนตรีที่ในระดับ 100 BPM ขึ้นไป ที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น และกลับไปนอนที่ห้องเพียงลำพัง หรือมีใครสักคนก็คงจะดีแต่ไปดื่มบ่อยๆ แม้จะแยกเงินในบัญชีแล้ว ว่าเป็นงบเพื่อความบันเทิงของชีวิต บางทีมันเยอะเกินกว่าเงินออมเสียอีก
แต่ชีวิตก็แบบนี้ เราหาความสุข และพลังชีวิตในการทำงานแตกต่างกันไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความไม่แน่นอนของชีวิต การมีเงินออมไว้ยามฉุกเฉินเป็นเรื่องดี และการเก็บเงินไว้เพื่อการลงทุนก็สำคัญ
ถ้าไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไม่ได้ #ต้องมีใช้บัญชีช่วยเก็บ อยากใช้ก็ได้ใช้ อยากเก็บก็ได้มากกว่า
ช่วงขายของกันแบบตรงๆ เพราะทุกคนต่างต้องการมีเงินเก็บ และมีเงินใช้ ME by TMB คือ Digital banking ที่มีผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาช่วยบริหารเงินในบัญชีของเราให้ดีขึ้น ด้วยบัญชี ME MOVE และ ME SAVE
ME SAVE คือบัญชีเพื่อเก็บรับดอกเบี้ยสูง 4.5 เท่าของออมทรัพย์ไม่มีขั้นต่ำ ไม่ต้องฝากประจำฝากถอนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดูดอกเบี้ยได้ทุกวันและไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ
ส่วน ME MOVE บัญชีเพื่อใช้ ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Balance Sweep ช่วยปัดเงินคงเหลืออัตโนมัติไปรับดอกสูงกับ ME SAVE ได้ทุกวัน
เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น สำหรับการใช้บัญชี ME MOVE และ ME SAVE สมมติคุณวางแผนใช้เงินต่อวันวันละ 500 บาทเท่านั้น คุณก็แค่โยกเงินจากบัญชี ME SAVE ไปที่บัญชี ME MOVE เพื่อให้เราใช้ต่อวันทุกวัน แล้วตั้งค่า Balance Sweep ให้ปัดเงินส่วนที่เกิน 500 บาทแบบอัตโนมัติไปเก็บที่ ME SAVE เพื่อรับดอกเบี้ยสูงได้ทุกวัน เช่น โยกเงินจาก ME SAVE ไป ME MOVE วันละ 1,000 บาท แล้วจำเป็นต้องใช้หนี้เพื่อนเป็นค่าหมูกระทะ ที่ไปกินด้วยกันเมื่อเดือนที่แล้ว 200 บาท จะเหลือเงินใน ME MOVE จำนวน 800 บาท เงินจำนวน 300 บาท จะถูกปัดไปเก็บที่บัญชี ME SAVE เพื่อให้เราได้เก็บดอกเบี้ยในทุกวัน แล้วเหลือเงินใน ME MOVE เพียง 500 บาท ตามที่เรากำหนดขั้นต่ำไว้ เหมือนให้เราได้จำกัดการใช้เงินของตัวเอง และช่วยเราเก็บออมเงินที่ยังไม่ใช้ไปรับดอกเบี้ยอีกด้วย
เพียงเท่านี้เราก็จะเก็บเงินได้มากขึ้นส่วนไอ้ 5 สิ่งที่พูดถึงตอนแรก ใครใคร่จะใช้ก็ใช้ ใครใคร่เก็บก็เก็บ แต่ต้องมีสติอยู่เสมอเพราะตัวเลขแดงในบัญชีบัตรเครดิตไม่เคยปราณีใคร
สนใจรายละเอียด ME by TMB ดูได้ที่ https://www.mebytmb.com หรือชมโฆษณาต่อได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=k8TnE_Hp7bY