สำหรับมนุษย์ออฟฟิศในยุคนี้ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงาน ออฟฟิศคือบ้านหลังที่สอง เรื่องทำเลที่ตั้งของสถานที่ทำงานเลยกลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ถูกนำมาใช้พิจารณาในการตัดสินใจต่างๆ ไปแล้ว
ดังนั้นออฟฟิศที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองจึงถือแต้มต่อ ไม่เพียงเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นศูนย์รวมระบบคมนาคมครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า ทางด่วน หรือถนนสำคัญทางเศรษฐกิจ
ส่วนสำหรับ One Bangkok ความหมายของออฟฟิศที่ดีไม่ใช่เพียงแค่สถานที่ทำงานใจกลางเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็น ‘เมืองกลางใจ’ ที่เป็นพื้นที่ให้ผู้คนได้เข้ามาใช้ชีวิตด้วย จึงออกแบบอาคารสำนักงานทั้ง 5 ตึกให้ตอบโจทย์ชีวิตการทำงานของมนุษย์ออฟฟิศยุคใหม่อย่างครบครัน พร้อมบาลานซ์พื้นที่ไลฟ์สไตล์ให้ใช้ชีวิตหลังเลิกงานได้ครบจบในที่เดียวด้วย
วันนี้เราจึงอยากชวนทุกคนมาสำรวจเหตุผล 5 ข้อ ที่ทำให้ One Bangkok Workplace เป็นอาคารสำนักงานยุคใหม่ที่จะช่วยยกระดับชีวิตมนุษย์ออฟฟิศได้จริงไปด้วยกัน
ทำเลทองใจกลางเมือง เดินทางสะดวก
เรื่องของทำเลใจกลางเมือง เดินทางสะดวก เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ แล้วสำหรับการทำงานในยุคนี้ ไม่เพียงพนักงานจะเดินทางมาที่ออฟฟิศได้สะดวกสบาย แต่ยังง่ายต่อการนัดพบคู่ค้าด้วย
แน่นอนว่า One Bangkok เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ ด้วยโลเคชั่นโครงการที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ บริเวณหัวมุม ถ.พระราม 4 และ ถ.วิทยุ สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวโครงการมีทางเข้า-ออกสู่ถนนสาธารณะมากถึง 6 เส้นทาง และทางด่วนที่สามารถเข้าสู่ One Bangkok ได้โดยตรง ส่วนสำหรับคนที่เลือกใช้บริการรถสาธารณะก็เดินทางสะดวกไม่แพ้กัน โครงการอยู่ไม่ไกลจาก BTS สถานีเพลินจิต มีรถ EV Shuttle Service พร้อมบริการรับ-ส่ง และ มีจุดที่เชื่อมต่อกับ MRT สถานีลุมพินี ที่สามารถเดินเข้าสู่โครงการได้เลยเช่นกัน
ที่บอกว่า One Bangkok เป็นแลนด์มาร์กใหม่ใจกลางกรุงนั้นจึงไม่เกินจริงเลย เพราะเดินทางได้สะดวกสบาย ตอบโจทย์ได้ทั้งคนขับรถส่วนตัวและคนใช้ขนส่งสาธารณะ พร้อมต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้ทุกคนที่มาเยือน
Smart City + Smart Technology = Smart Living
Smart City เป็นแนวคิดการพัฒนาเมืองที่ถูกกล่าวถึงอยู่ตลอดในช่วงหลายปีมานี้ หมายถึงเมืองที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยและชาญฉลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการและการบริหารจัดการเมือง ซึ่งนิยามเหล่านี้เองก็เกิดขึ้นจริงแล้วที่ One Bangkok
One Bangkok ถูกออกแบบเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตของผู้คนให้ยั่งยืนในระยะยาว โดยผนวกเอาความเป็น Smart City และ Smart Technology เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาความยั่งยืน ในแง่ระบบการทำงาน โครงการมี Data Center ระดับ Tier III ที่เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเสถียรและปลอดภัยสูง สามารถดูแลระบบได้โดยไม่ต้องปิดระบบทั้งหมด จึงไม่กระทบกับระบบศูนย์ข้อมูล ให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และลดโอกาสการหยุดชะงักของระบบ เหมาะสำหรับการทำงานขององค์กรตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ส่วนฟังก์ชันสำหรับ support การทำงานของพนักงาน ก็มีแอปพลิเคชัน One Bangkok เข้ามาเป็นตัวช่วยที่เชื่อมต่อระบบภายในโครงการอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ตารางบริการรถ EV Shuttle Service รวมถึงการดูตำแหน่งรถรับ-ส่งแบบเรียลไทม์ การค้นหาที่จอดรถ เช็กการจราจรก่อนเข้าออฟฟิศ ไปจนถึงการใช้งาน Smart Building Feature อย่างการเข้าออกอาคาร หรือการสั่งงานระบบต่างๆ นอกเวลาทำการได้อีกด้วย
นอกจากนี้ One Bangkok ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน WiredScore และ SmartScore ซึ่งช่วยรับประกันคุณภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีอัจฉริยะได้เป็นอย่างดี
สร้างเมืองใหม่ แบบใส่ใจความยั่งยืน
ปัจจุบันเรื่องของความยั่งยืนเป็นอีกสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกๆ ในการริเริ่มโครงการต่างๆ ซึ่ง One Bangkok ก็มองหมุดหมายเรื่องความยั่งยืนตั้งแต่การออกแบบ Master Plan และลงมือทำตั้งแต่แรกเริ่มโครงการ
ใครเคยไปเยือน One Bangkok เชื่อว่าคงสะดุดตากับพื้นที่สีเขียวภายในที่กว้างขวาง ซึ่งเป็นความตั้งใจและใส่ใจของโครงการที่ต้องการให้มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่งกว่า 50% ของพื้นที่ทั้งหมด เพื่อฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในเมือง และเพิ่มพื้นที่ให้ทุกคนสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งร่วมกันได้
สำหรับภายในอาคารก็ถูกออกแบบเพื่อความยั่งยืนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟอัจฉริยะพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับความสว่างและการเคลื่อนไหวเพื่อลดการใช้พลังงาน, หน้าต่างประสิทธิภาพสูง ไฟ Smart LED ที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงธรรมชาติ เพื่อลดความร้อนจากภายนอก ช่วยลดการทำงานของระบบทำความเย็นอาคาร, การกักเก็บน้ำฝนและการรีไซเคิลน้ำ โดยน้ำจะผ่านการบำบัดเพื่อนำไปใช้ในระบบทำความเย็น ระบบชำระล้างของสุขภัณฑ์ และการรดน้ำในสวน, ไปจนถึงระบบการแยกขยะอย่างเหมาะสม ซึ่งทางโครงการจับมือร่วมกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านการรีไซเคิลขยะโดยเฉพาะ เพื่อจัดการขยะอย่างเหมาะสมต่อไป
ทั้งหมดนี้คือความตั้งใจพัฒนาโครงการเพื่อมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานความยั่งยืนสู่ระดับสากลของ One Bangkok และจากความตั้งใจนี้เองทำให้โครงการได้ใบรับรองจาก LEED ND (Leadership in Energy and Environmental Design for Neighborhood Development) ซึ่งเป็นระบบการให้คะแนนอาคารสีเขียวที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดในปัจจุบัน ครอบคลุมกว่า 180 ประเทศทั่วโลก และ One Bangkok ยังเป็นโครงการเดียวในประเทศไทยตอนนี้ที่ได้คะแนนสูงถึงระดับแพลตินัมอีกด้วย
เมืองกลางใจ ที่เข้าใจคนเมือง
‘People-Centric’ เป็นหนึ่งในหัวใจหลักของ One Bangkok นั่นคือการออกแบบโครงการโดยแนวคิดการยึดเอาความต้องการของคนเป็นศูนย์กลาง ให้คุณค่าความต้องการที่แตกต่างจากประสบการณ์ที่หลากหลายของปัจเจคบุคคล พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของคนกรุงฯ ด้วยการดีไซน์ด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
ใส่ใจการออกแบบภายในอาคาร เพิ่มอากาศบริสุทธิ์ด้วยไส้กรองอากาศพรีเมียม MERV 8 และ MERV 14 ที่ระบบแอร์ส่วนกลาง เพื่อต่อสู้กับ PM2.5 การใช้รังสี UV กำจัดเชื้อโรค ทำให้อากาศภายในอาคารปลอดโปร่ง, ใช้ระบบ Touchless ช่วยรักษาสุขอนามัย ตั้งแต่ล็อบบี้ ลิฟต์ ไปจนถึงห้องน้ำ, มีเครื่องกรองน้ำบริการทุกชั้น ซึ่งใช้ไส้กรองคาร์บอน และท่อส่งน้ำไร้สารตะกั่ว ที่ผ่านการรับรองโดย NSF และมีการทดสอบคุณภาพน้ำดื่มเป็นประจำทุกปี
รวมถึงการออกแบบภายนอกและพื้นที่ส่วนกลาง ที่มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่ง ให้ความรู้สึกสดชื่น เสมือนเป็นมุมพักใจ ที่เหมาะกับการออกไปใช้ชีวิตหลังเลิกงาน ไม่ว่าจะเดินเล่น แวะพักสมองหลังประชุม ออกกำลัง หรือนัดพบปะเม้าท์มอยกับเพื่อนฝูงในบรรยากาศสวนกลางเมืองสุดชิลล์ก็ได้เช่นกัน
ไม่ใช่แค่ทำงาน แต่สามารถใช้ชีวิตได้ครบจบได้ที่ One Bangkok
Work-Life Balance เป็นวลีที่มักได้รับการกล่าวถึงบ่อยๆ สำหรับชาวออฟฟิศ สำหรับบางคนการบาลานซ์ช่วงเวลาทำงานกับการออกไปใช้ชีวิตหลังเลิกงานอาจเป็นเรื่องยาก ด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลาและการเดินทาง แต่สำหรับที่ One Bangkok มนุษย์ออฟฟิศสามารถออกไปใช้ชีวิตหลังเลิกงานได้ทันที
เพราะโครงการนี้ตั้งอยู่ระหว่างสองสวนใหญ่ใจกลางเมืองคือสวนลุมพินีและสวนเบญจกิติ ที่เสมือนเป็นส่วนต่อขยายของพื้นที่สีเขียวของโครงการ การมาที่ One Bangkok จึงทำให้สามารถใช้ชีวิตในพื้นที่สีเขียวใจกลางกรุงได้ ไม่ว่าจะเป็นสายเฮลท์ตี้ที่อยากมีพื้นที่จ็อกกิ้งออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือแค่อยากเดินเล่นในสวน พร้อมชมงานศิลปะฮีลใจจากภาระงานในวันที่หนัก ก็สามารถเดินทางได้สะดวกสบายและรวดเร็ว
ส่วนสำหรับใครที่อยากช็อปปิ้งหรือนัดพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ครอบครัว หรือคนรัก ที่ One Bangkok ก็มีศูนย์การค้าภายในโครงการที่ครบครันด้วยร้านอาหารชื่อดังหลากสัญชาติ แหล่งแฮงค์เอาต์กลางคืน ไปจนถึงศูนย์จัดงานแสดงและความบันเทิงมาตรฐานระดับโลก
เรียกได้ว่า One Bangkok สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนเมืองได้ครบจบในสถานที่เดียวก็ว่าได้
ทั้งหมดนี้คือเหตุผลทั้ง 5 ข้อที่ทำให้ One Bangkok Workplace เป็นมากกว่าแค่สถานที่ทำงาน แต่เป็นอาคารสำนักงานยุคใหม่ที่จะช่วยยกระดับชีวิตมนุษย์ออฟฟิศ และเป็นศูนย์กลางเมืองอนาคตที่พัฒนาได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง
ปัจจุบัน One Bangkok Workplace เปิดรับทั้งองค์กรไทยและต่างประเทศเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ เพื่อโอกาสการต่อยอดทางธุรกิจให้สำเร็จและเติบโตต่อไปในอนาคต โดยมีบริษัทชั้นนำมากมายเลือกย้ายเข้ามาอยู่ในโครงการ ไม่ว่าจะเป็น Baker McKenzie Thailand, EY Thailand, BMW Group Thailand หรือ KGI Securities (Thailand) PCL ซึ่งล้วนเป็นบริษัทชั้นนำที่มองหาพื้นที่การทำงานที่ตอบสนองความต้องการของบริษัทและเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพนักงาน ทำให้สามารถใช้ชีวิต Work-Life Balance ได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข
ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ One Bangkok Workplace สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/4hDumE5
อ้างอิงข้อมูลจาก
Writer: Treerak Wongrattanasopon
Graphic Designer: Rojjanaon Yailaibang