เชื่อว่าทุกเช้าของใครหลายคนมักเริ่มต้นด้วยการเติมพลังจากกาแฟแก้วโปรดก่อนไปทำงาน
เมื่อจมูกได้กลิ่นกาแฟหอมๆ และลิ้นได้รับสัมผัสรสขมบางๆ ที่คุ้นเคย นั่นแหละถึงจะเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่แท้จริง พอบ่ายคล้อยเริ่มอยากผลอยหลับก็ได้เวลาตั้งตี้กับเพื่อนร่วมงานชวนกันเติมคาเฟอีนรอบที่สองของวัน เพราะชีวิตขับเคลื่อนด้วยพลังกาแฟ เรียกได้ว่ากาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตที่ผู้คนทั่วโลกมอบความรักให้มาตลอดทุกยุคสมัย ถึงขนาดกำหนดให้วันที่ 1 ตุลาคมของทุกปีเป็น ‘วันกาแฟสากล’ โดยเฉพาะ
แต่วันกาแฟสากลนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญแค่เครื่องดื่มในแก้วที่ส่งถึงมือเราแล้วเท่านั้น แต่ยังมองย้อนกลับไปให้ความสำคัญถึงไร่กาแฟและเกษตรกรที่บ่มเพาะเมล็ดมาตั้งแต่เดย์วัน เพราะฉะนั้น ‘พลังกาแฟ’ ที่ว่า จึงไม่ได้ขับเคลื่อนแค่พนักงานออฟฟิศที่ใช้ชีวิตในเมืองอย่างเราๆ แต่ยังแปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งการอนุรักษ์ส่งต่อไปยังผืนป่าไกลถึงบนยอดดอยได้ด้วย
เช่นเดียวกับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เอง ในฐานะเจ้าของแบรนด์ร้านกาแฟร้านโปรดของหลายๆ คน อย่าง Café Amazon ก็มีมุมมองว่า ‘กาแฟ’ ไม่ใช่เพียงแค่ธุรกิจ แต่คือสัญลักษณ์ของการสร้างความยั่งยืน คือการเปลี่ยนวิถีชีวิตของเกษตรกร การเพิ่มพื้นที่ป่า และช่วยสร้างอนาคตให้โลกใบนี้ เราเลยอยากถือโอกาสวันกาแฟสากลปีนี้ ชวนทุกคนทำความรู้จักเส้นทางของกาแฟ และโครงการดีๆ โดยทีม Café Amazon จากไร่บนภูเขาสู่กาแฟที่เราดื่ม ด้วยการเรียนรู้ไปพร้อมกันว่า เราจะบอกรัก(ษ์)ป่า ผ่านกาแฟแก้วโปรดได้ยังไง
วันกาแฟสากล วันของทุกคนในเส้นทางกาแฟ

เชื่อว่าทุกคนคงมีเมนูประจำเวลาสั่งกาแฟ มีระดับการคั่วที่ใช่ มีเมล็ดพันธุ์ชนิดที่ชอบ แต่น้อยคนที่จะลงลึกรายละเอียดไปถึงแหล่งที่มาของเมล็ดกาแฟ
ในวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปีจึงถูกกำหนดให้เป็น ‘วันกาแฟสากล’ โดยไม่ได้มีหมุดหมายให้เป็นแค่วันเฉลิมฉลองของคนที่รักกาแฟเท่านั้น แต่ยังอยากให้คนทั่วโลกกลับมาทบทวนถึงความสำคัญของทุกคนที่มีส่วนร่วมในเส้นทางของกาแฟหนึ่งแก้ว ตั้งแต่บาริสต้า โรงคั่ว คนปลูกกาแฟ ไปจนถึงพื้นที่ในการปลูกต้นกาแฟกับผู้คนและสังคมใกล้เคียง
คุณค่าของกาแฟจึงไม่ใช่แค่ช่วยให้เราตื่น แต่คือส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่สะท้อนเรื่องราวของคนต้นน้ำ ป่าไม้และชุมชนที่ร่วมกันบ่มเพาะเมล็ด ดูแลต้น จนกลายมาเป็นกาแฟหนึ่งแก้วเดินทางมาถึงมือเรา
นั่นคือเหตุผลที่ OR และ Café Amazon มองว่า ‘กาแฟ’ คือสัญลักษณ์ของการสร้างความยั่งยืน ไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่คือการเปลี่ยนวิถีชีวิตของเกษตรกร การเพิ่มพื้นที่ป่า และช่วยสร้างอนาคตให้โลกใบนี้ได้
สมดุลของกาแฟที่เติบโตเคียงคู่ป่า

ในอดีตกาแฟถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ชาวบ้านเลือกที่จะเผาป่าเพื่อแผ้วถางพื้นที่สำหรับเพาะปลูกสร้างรายได้ ไม่เพียงสูญพื้นที่ป่าไม้ แต่ยังก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศที่ส่งผลเสียกับผู้คนมากมาย
แต่เมื่อกาลเวลาผันผ่านแนวคิดของผู้คนก็เปลี่ยนแปลงตาม ปัจจุบันเกษตรกรจำนวนมากเลือกที่จะใช้วิธีการปลูกกาแฟใต้ไม้ร่มเงาที่ทำให้ต้นกาแฟแข็งแรงขึ้น ผลผลิตคุณภาพสูงขึ้น แถมยังเก็บเกี่ยวได้สม่ำเสมอ การปลูกกาแฟด้วยวิธีนี้ยังช่วยรักษาหน้าดิน เก็บน้ำ ช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จึงทำให้กาแฟไม่ใช่แค่ผลผลิตที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ แต่กลายเป็น ‘เครื่องมือในการรักษ์ป่า’ เพื่อให้ผู้คนอยู่ร่วมกับป่าอย่างได้สมดุล
เมื่อชุมชนรู้รักษ์ป่าเขาและเข้าใจกาแฟ

เบื้องหลังภาพความสำเร็จของการเปลี่ยนผ่านชุดความรู้สู่วิธีการปลูกกาแฟที่ยั่งยืน ย่อมเกิดจากการลงมือทำจริงของผู้คนหลายภาคส่วน หนึ่งในนั้นคือ OR นำโดยทีม Café Amazon ที่ได้ริเริ่ม โครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน ลงพื้นที่ทำงานร่วมกับผู้คนในชุมชนมายาวนานกว่า 10 ปี
เพื่อให้ภาพความยั่งยืนที่ใฝ่ฝันเกิดขึ้นจริง ก็ต้องลงมือจริงและต่อเนื่อง โครงการนี้จึงเลือกที่จะลงพื้นที่ถ่ายทอดความรู้ในการปลูกกาแฟที่ได้คุณภาพให้เกษตรกรกว่า 1,900 ราย ใน 9 จังหวัด ไกลถึงยอดดอยภาคเหนือและยอดเขาทางภาคใต้ ตลอดระยะเวลาโครงการนี้ OR ได้รับซื้อกาแฟจากเกษตรกรในชุมชนไปแล้วกว่า 7,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาทเลยทีเดียว
ที่สำคัญคือโครงการนี้ไม่เพียงช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกร แต่ยังส่งต่อความรู้และทักษะที่ประเมินค่าไม่ได้ ให้เกษตรกรมีโอกาสได้พัฒนาคุณภาพผลผลิตควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่า เพื่อให้คนในพื้นที่อยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืนและเข้าใจ โดยมีกาแฟเมล็ดเล็กๆ เหล่านี้ร้อยเรียงสร้างความสมดุล
เปลี่ยนวิธีปลูก = เปลี่ยนโลก

เมื่อหลายสิบปีก่อนเกษตรกรอาจมองเห็นช่องทางการสร้างเม็ดเงินเป็นเรื่องสำคัญ แต่ในปัจจุบันเส้นทางของกาแฟที่ยั่งยืนได้สะท้อนภาพให้เห็นแล้วว่า การเกษตรที่สร้างรายได้ไม่จำเป็นต้องแลกมาซึ่งการบ่อนทำลายธรรมชาติ
แค่เปลี่ยนแนวคิดจากการแผ้วถางเผาทำลายเพื่อหาพื้นที่ปลูกกาแฟ มาเป็นทางที่ยั่งยืนอย่างวิธีปลูกกาแฟใต้ไม้ร่มเงาที่ทำให้คนอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน เส้นทางนี้เปลี่ยนทั้งชีวิตเกษตรกรและอนาคตของสิ่งแวดล้อมได้พร้อมๆ กัน แนวคิดนี้คือสิ่งที่ OR และ Café Amazon มุ่งมั่นสร้างขึ้น เพราะกาแฟไม่ใช่แค่ผลผลิต แต่คือพลังที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้โลกใบนี้ได้จริงๆ
เส้นทางสะอาดจากยอดดอย สู่กาแฟที่เราคอยดื่ม

แน่นอนว่าเส้นทางความยั่งยืนของกาแฟไม่ได้จบอยู่แค่ที่ไร่ แต่ต้องมองไกลไปถึงการขนส่งเมล็ดกาแฟจากบนดอยมาถึงหน้าร้าน Café Amazon ที่มีเราคอยดื่มด้วย
เพราะอย่างนั้น OR จึงเลือกใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV) ในระบบโลจิสติกส์ ช่วยประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่สร้างมลภาวะ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนกว่า
เส้นทางการขนส่งวัตถุดิบที่หลายคนอาจไม่ได้นึกถึง เป็นสิ่งที่ OR คำนึงถึงอยู่เสมอ เพื่อให้คนที่ดื่มกาแฟจาก Café Amazon มั่นใจได้ว่ากาแฟทุกแก้วเดินทางมาถึงมือด้วยเส้นทางพลังงานสะอาด ได้รักษ์สิ่งแวดล้อม และใส่ใจดูแลโลกไปพร้อมๆ กัน
ทุกแก้วคือการมีส่วนร่วม

ต่อไปนี้ทุกครั้งที่ยกกาแฟแก้วโปรดขึ้นดื่มคงไม่ใช่แค่เพื่อปลุกร่างกาย แต่ยังช่วยปลุกหัวใจให้ตื่นรู้ ว่ากาแฟที่เราเลือกดื่มในทุกเช้าเป็นได้มากกว่าความสุขส่วนตัว แต่ยังเป็นความสุขให้ใครได้อีกหลายคน เพราะเราสามารถสนับสนุนวงจรการผลิตที่ยั่งยืนและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกรไทย
เช่นเดียวกับเมล็ดกาแฟอะราบิกาจาก ‘บ้านผาลั้ง’ จังหวัดเชียงราย ผลผลิตจากเกษตรกรที่ใช้แนวคิดปลูกกาแฟใต้ไม้ร่มเงาภายใต้ โครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน ซึ่งรับซื้อเมล็ดกาแฟคุณภาพมาในราคาที่เป็นธรรม เพื่อให้ผู้คนในชุมชนมีรายได้มั่นคง สร้างอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้อย่างยั่งยืน
เพียงแค่เราสนับสนุนกาแฟจากแหล่งที่มาที่รักษ์ธรรมชาติ เราเองก็เป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรการดูแลป่าและชุมชนได้
บอกรัก(ษ์)ป่า ผ่านกาแฟแก้วโปรด

ในยุคที่ผู้บริโภคมีสิทธิเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองและโลก ทางเลือกที่ยั่งยืนกว่าก็ไม่ใช่คำตอบที่ยากอีกต่อไปแล้วในยุคสมัยนี้ แม้แต่การดื่มเครื่องดื่มแก้วโปรดอย่างกาแฟก็เป็นอีกเส้นทางที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมได้ เพียงแค่เราเลือกรักกาแฟให้ถูกแก้ว เราก็สามารถรักษ์ป่าเขาฟื้นฟูธรรมชาติไปได้พร้อมๆ กัน ยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ให้ทุกคนสามารถบอกรัก(ษ์)ป่า ผ่านกาแฟแก้วโปรดของตัวเองได้
กาแฟที่ปลุกเราคือกาแฟปลุกโลก

สุดท้ายแล้ววันกาแฟสากลจึงไม่ใช่แค่วันเฉลิมฉลองดื่มกาแฟแก้วโปรดแล้วจบไป แต่คือวันแห่งการขอบคุณและการตระหนักถึงคุณค่าของกาแฟตั้งแต่ต้นสายการผลิตจนมาเป็นแก้วโปรดในมือเรา
ขอเพียงเราใส่ใจต้นทางของกาแฟมากขึ้น เสาะหาแหล่งที่มา สืบให้รู้ว่ากาแฟนี้ผ่านการเดินทางสะอาด ถูกเพาะปลูกด้วยความใส่ใจ เท่านี้ก็เปลี่ยนกาแฟที่เป็นแค่เครื่องดื่มที่คอยปลุกเราในตอนเช้า ให้ปลุกความยั่งยืนของคนในชุมชน ปลุกป่าให้เขียวชอุ่ม ปลุกต้นไม้ให้เติบโต ปลุกโลกใบนี้ให้มีความหวังมากขึ้นได้
เชื่อไหมว่ากาแฟแก้วเล็กๆ ก็ช่วยเปลี่ยนโลกได้ และเราคือส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนั้น