พื้นที่สีเขียวนับเป็นปัจจัยสำคัญในการวัดคุณภาพชีวิตของเมืองหนึ่งๆ เพราะมันมีคุณประโยชน์หลากหลายประการทั้งช่วยผลิตออกซิเจน กรองมลภาวะ ที่สำคัญคือการเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจสำหรับคนเมือง
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเมืองกลับกลายเป็นศัตรูตัวสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด เห็นได้จากการขยายตัวของเมืองได้เข้าไปทำลายธรรมชาติอยู่เป็นประจำ นำมาซึ่งปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรงที่โลกกำลังประสบอยู่
แต่ใช่ว่ามนุษย์จะมุ่งทำลายธรรมชาติกันเพียงอย่างเดียว ยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่ตระหนักถึงความสำคัญ และย้ำเตือนเราอยู่เสมอให้หันมาใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมกันบ้าง เกิดเป็นเทรนด์การพัฒนาเมืองอย่างสร้างสรรค์โดยการนำองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ มาพัฒนาเมืองกับธรรมชาติไปพร้อมกัน
เหมือนดั่งความตั้งใจของ MQDC ที่อยากจะสร้างพื้นที่สีเขียวซึ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัยยุคใหม่สำหรับคนเมือง นำมาซึ่งโปรเจกต์ The Forestias by MQDC ที่คิดและสร้างเพื่อความสุขที่ยั่งยืนของมนุษย์ ผลลัพธ์ก็คือคุณภาพชีวิตที่ดีของคนเมือง จำนวนพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น และโลกใบใหม่ที่น่าอยู่กว่าเดิม
ที่อยู่อาศัยยุคใหม่จึงไม่ใช่แค่คำว่า ‘บ้าน’ อีกต่อไป และไม่ใช่แค่ปัจจุบัน แต่หมายถึง ‘อนาคต’ ของทุกคน
ธรรมชาติคือพลังเยียวยาแห่งความสุข
มีงานวิจัยที่พูดถึงพลังแห่งการเยียวยาของสิ่งมีชีวิตสีเขียวที่เรียกว่าต้นไม้อยู่จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นรายงานการศึกษาจากสถาบันเพื่อการพัฒนามนุษย์ Max Planck ที่ตีพิมพ์ลงวารสาร Nature Scientific Reports พบว่า คนที่อาศัยอยู่ใกล้พื้นที่สีเขียว เซลล์ประสาทที่ควบคุมความเครียดในสมองจะมีแนวโน้มจัดการกับอาการเครียด วิตกกังวล รวมถึงสภาวะซึมเศร้าได้ดีกว่า งานวิจัยครั้งนี้จึงชี้ว่าต้นไม้หรือป่าเป็นพลังเยียวยาที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง
สอดคล้องกับศาสตร์ ‘ชินริน โยกุ’ หรือที่แปลเป็นไทยเท่ๆ ว่าการ ‘อาบป่า’ (Forest Bathing) ของ ดร. ควิง หลี ประธานสมาคมเวชศาสตร์เขตร้อน ประเทศญี่ปุ่น เขาทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้วพบว่า ต้นไม้มีพลังในการบำบัดรักษาเป็นอย่างดี เช่น การปล่อยน้ำมันหอมระเหยไฟทอนไซด์ (Phytoncide) ออกมา เป็นกลิ่นธรรมชาติบำบัดที่สูดดมแล้วช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดความดันโลหิต สร้างความผ่อนคลายความวิตกกังวล ความเหนื่อยล้า และลดความเครียดได้
การวิจัยทางวิทยาศาสตร์จึงเป็นเครื่องยืนยันชั้นดีที่ต้นไม้มีผลเชิงบวกต่อมนุษย์อย่างมีนัยสำคัญ ฉะนั้นหากเราสามารถยกป่ามาไว้ในเมืองได้ การอยู่อาศัยท่ามกลางพื้นที่เขียวก็จะช่วยให้ผู้คนในสังคมนั้นๆ มีความสุข
พัฒนาธรรมชาติอย่างเดียวไม่พอ ต้องพัฒนาปฏิสัมพันธ์ทางสังคมด้วย
ปัจจุบันการสื่อสารโดยผ่านเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น แต่ก็ไม่อาจเข้ามาทดแทนการสื่อสารแบบพบปะพูดคุยแบบตัวต่อตัวได้หรอก ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล จึงบอกว่า การสร้างความสัมพันธ์ที่ตรงและได้ผลดีมากที่สุดคือ ‘การสนทนาอย่างสร้างสรรค์’ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์อันดีแก่ครอบครัว
เพราะถึงแม้สถาบันครอบครัวเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดในสังคม ทว่ากลับมีความสำคัญมากที่สุด ครอบครัวเป็นสถาบันที่ให้กำเนิดมนุษย์ ก่อนจะหล่อหลอมบ่มเพาะความเป็นมนุษย์ให้แก่บุคคลนั้นๆ เปรียบเสมือนรากฐานของบ้าน ซึ่งหากแข็งแรงก็จะทำให้บ้านหลังนั้นแข็งแกร่งยั่งยืนตามไปด้วย
เช่นเดียวกัน หากสมาชิกในครอบครัวมีความเข้าใจซึ่งกันละกัน ก็จะส่งผลให้ครอบครัวนั้นๆ แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เมืองที่ดีจึงต้องเอื้อให้ครอบครัวได้อาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน เอื้อให้ทำกิจกรรมร่วมกันอยู่ตลอดเวลา นับเป็นการสร้างความสุขที่ยั่งยืนแก่สังคมอีกอย่างหนึ่ง
เทคโนโลยีกับธรรมชาติ นวัตกรรมเพื่อโลกที่น่าอยู่ขึ้น
แนวคิดที่ช่วยให้ป่าและเมืองสามารถพัฒนาควบคู่กันไป เกิดจากศาสตร์ความรู้ใหม่ๆ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในยุคโลกาภิวัตน์ที่ช่วยให้สร้างสรรค์องค์ประกอบเมืองเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หนึ่งในเทรนด์ปัจจุบันที่กำลังมาแรงก็คือ Urban Forest หรือการป่าไม้ในเมือง ซึ่งเป็นการนำองค์ประกอบของการป่าไม้ในเมือง (Urban Forestry) มาวางแผนอย่างเป็นระบบ คำนึงถึงคุณลักษณะพื้นฐานของเมือง ปัจจัยด้านสังคม และเอื้อผลประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มากที่สุด
อาทิ การคิดค้นระบบที่ช่วยลดจำนวนหน่วยทำความร้อนที่เกิดขึ้นในที่อยู่อาศัย โดยคอมเพรสเซอร์แอร์จะรวมความร้อนไปที่จุดเดียว แล้วส่งน้ำเย็นให้เปลี่ยนเป็นแอร์เย็นหล่อเลี้ยงบ้านผู้อยู่อาศัย อุณหภูมิในบริเวณผู้อยู่อาศัยจะลดลงจากภายนอก 2-3 องศาเซลเซียส ระบบนี้จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ออกสู่อากาศถึง 30,000 ตันต่อปี เทียบเท่ากับปลูกต้นไม้ 750,000 ต้น หรือปลูกป่าถึง 30,000 ไร่เลยทีเดียว
หรือจะเป็นแนวคิดระบบการวางผังใต้ดิน Underground Tunnel ซึ่งจะนำระบบน้ำ ไฟ และเครื่องปรับอากาศไว้ใต้ดิน ทำให้บรรยากาศยังคงความเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงการบริหารจัดการน้ำที่สามารถนำน้ำทั้งหมดมารีไซเคิลโดยไม่ปล่อยลงสู่ท่อระบายน้ำ นับเป็นระบบการจัดการน้ำเจ๋งๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
ฉะนั้น หากเราสามารถนำเทคโนโลยีมาผสานรวมกับธรรมชาติได้ ไม่เพียงจะพัฒนาศักยภาพของเมืองแล้ว ยังเพิ่มความสุขให้ผู้อยู่อาศัยในเมืองนั้นๆ อีกด้วย
MQDC ผู้สร้างที่อยู่อาศัย และไม่ทำลายพื้นที่สีเขียว
เป็นที่รู้กันว่า ปัจจุบันคนเมืองเลือกซื้อคอนโดมิเนียมมากขึ้นเพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต ทว่าค่าที่ดินกรุงเทพฯ เริ่มแพงขึ้นเรื่อยๆ แพงจนไปถึงสุดสายของระบบราง คนเมืองจึงคาดหวังที่อยู่อาศัยอย่างคุ้มค่า และต้องตอบสนองมาตรฐานชีวิตที่ดีสำหรับการสร้างครอบครัวในอนาคต
MQDC หรือ Magnolia Quality Development Corporation Limited จึงมีความตั้งใจสร้างพื้นที่อยู่อาศัยยุคใหม่สำหรับคนเมือง ผ่านคอนเซปต์ Imagine Happiness เป็นหลัก เกิดเป็น The Forestias by MQDC โครงการอสังหาริมทรัพย์แบบ Mixed-Use Lifestyle โมเดลแรกของโลกที่จะสร้างนิยามของความสุขที่แท้จริง ผ่านแนวคิดการผสมผสานกันของธรรมชาติ สัตว์ และระบบนิเวศน์ มาปรับใช้เพื่อให้สังคมการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขที่ยั่งยืน โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการที่ได้แก่
- 50 Shades of Nature – ความสุขที่เกิดจากธรรมชาติภายใต้พื้นที่ป่าขนาดใหญ่ยาวต่อเนื่องตลอดโครงการ นับเป็นโมเดลของโลกที่ทำให้มนุษย์กลับมาอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติและสัตว์อย่างเต็มรูปแบบ ประกอบด้วยป่าที่มีลักษณะแตกต่างกัน 4 โซนหลัก ไล่ตั้งแต่พืชพรรณขนาดเล็กจนถึงเขตป่าดงดิบ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างมีความสุข
- Connecting 4 Generations – ความสุขที่เกิดขึ้นจากการออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อให้คนในครอบครัวได้ใกล้ชิดกัน สามารถพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างวัย พร้อมทั้งพื้นที่อำนวยความสะดวกให้ทุกคนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เกิดเป็นความสุขจากปฏิสัมพันธ์ที่เริ่มจากครอบครัว และค่อยๆ ขยายวงกว้างไปสู่ระดับชุมชน
- Community of Dreams – ความสุขจากการส่งเสริมให้ผู้อาศัยมีปฏิสัมพันธ์กันทั้งกับผู้คน ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เป็นเมืองที่ให้คนได้มาทำกิจกรรมนอกบ้านแก้เหงา เช่น ออกกำลังกาย เดิน ปั่นจักรยาน ฯลฯ มีทั้งตลาด สวนพักผ่อน ศึกษาธรรมชาติ ต้นไม้ และสัตว์บนผืนป่าเปิด ซึ่งนอกจากจะมีระบบนิเวศสมบูรณ์แล้ว ยังเป็น Smart City อีกด้วย
- Sustainnovation for Well-being – ความสุขที่เกิดจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ผ่านการคิดค้นและพัฒนาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญของ MQDC นำเอาธรรมชาติและระบบนิเวศน์กลับคืนสู่สังคมมนุษย์ เพื่อให้ทุกชีวิตได้ใช้ประโยชน์ และสามารถอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน
ทั้งหมดนี้คือความตั้งใจของ MQDC ที่จะสร้างพื้นที่อยู่อาศัยยุคใหม่สำหรับคนเมืองที่เป็นมากกว่าแค่บ้าน แต่เป็นพื้นที่แห่งความสุขที่ยั่งยืนของมนุษย์ทุกคน ฉะนั้นลองจินตนาการถึงเมืองที่ผู้คนอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติในระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ เห็นครอบครัวหลากหลายเจนเนอเรชั่นทำกิจกรรมร่วมกันอย่างมีความสุข
ภาพนั้นได้เกิดขึ้นแล้วที่ The Forestias by MQDC
อ้างอิงข้อมูลจาก