แค่เราเจอคนพูดภาษาที่เราไม่เข้าใจก็เป็นเรื่องอึดอัดน่าดูอยู่แล้ว แต่จะเป็นอย่างไรถ้าเราเจอกับภาษาที่ไม่มีใครอ่านออก ปัญหาเหล่านี้ถูกแก้ไขแล้วหลังจากที่กลุ่มนักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ใช้อัลกอริทึ่มทำความเข้าใจระบบของภาษาที่กำลังจะหายสาบสูญไปจากการที่ไม่เหลือผู้คนที่ใช้มันเป็นตัวกลางในการสื่อสารอีกต่อไปแล้ว
ระบบอัลกอริทึ่มดังกล่าวจะทำงานด้วยการเจาะเข้าไปทำความเข้าใจลักษณะทางภาษาศาสตร์ของตัวอักษรทางประวัติศาสตร์ ด้วยการแทนค่าระบบการออกเสียง ตัวอย่างเช่น อักษรตัว p อาจเพี้ยนเสียงไปเป็นตัว b ด้วยตระกูลภาษาของมันเองนั้นแหละ และมันคงไม่เพี้ยนไปเป็นตัว k แน่ๆ โดยคอมพิวเตอร์จะทำการประมวลผลและจัดระบบของภาษาออกมาเป็นผังของภาษาที่เกี่ยวโยงกัน
ถึงแม้ว่าในบางภาษาที่อัลกอริทึ่มจะไม่เข้าใจความหมายของมันเลย ทั้งๆ ที่สามารถอ่านมันออกมาได้แล้วก็ตาม แต่หลักฐานเหล่านี้อาจจะสามารถทำให้เราเข้าใจบริบททางสังคมและชุมชมของคนในประวัติศาสตร์ที่เคยใช้ภาษาเหล่านี้สื่อสารกันในอดีตกาล
อย่างไรก็ดี มีการประมาณการว่า มนุษยชาติของเรามีภาษาใช้กันมาแล้วอย่างน้อยที่สุด 31,000 ภาษา โดยปัจจุบันมีภาษาที่ยังหลงเหลือและใช้สื่อสารกันอยู่เพียงแค่ 6,000 ภาษาเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น จากการวิจัยและการจัดหมวดหมู่ภาษาที่มีมาได้ไม่นาน นักวิจัยคาดว่าภาษาจำนวนร้อยละ 81 ได้กลายเป็นภาษาที่ตายไปแล้ว
ปัจจุบัน มีภาษาที่มีจำนวนผู้ใช้มากสุดอยู่ที่ 9 ภาษา ได้แก่ ภาษาจีน ภาษาสเปน ภาษาอังกฤษ ภาษาอารบิก ภาษาเบงกาลี ภาษาฮินดี ภาษาโปรตุเกส ภาษารัสเซีย และภาษาญี่ปุ่น โดยร้อยละ 96 ของมนุษย์เปลี่ยนมาใช้ภาษาหลักๆ เหล่านี้แทนภาษาเดิมของพวกตน นี่จึงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ภาษาท้องถิ่นต่าง ๆ เริ่มตายลงไปเรื่อยๆ
พอมานั่งนึกดีๆ แล้ว ภาษาอาจเป็นอะไรที่มากกว่าแค่เครื่องมือที่ในการใช้สื่อสารกัน เพราะภาษานั้นอาจเป็นได้ทั้งเครื่องบ่งบอกถึงอารยธรรมของมนุษย์ เป็นตัวกลางในการทำความเข้าใจวิถีวิตของพวกเขาและเธอ และภาษาอาจรอยเรียงเชื่อมโยงประวัติศาสตร์หลายหมื่นปีของมวลมนุษยชาติเข้าไว้ด้วยกันก็เป็นได้
อ้างอิงจาก
https://thenextweb.com/…/new-mit-algorithm…/
http://people.csail.mit.edu/…/DecipherUnsegmented.pdf
https://www.uh.edu/engines/epi2723.htm….
#Brief #TheMATTER