หากพูดถึงจิตรกรชื่อดังในยุคโพสต์อิมเพรสชั่นนิสม์คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘วินเซนต์ แวนโก๊ะห์’ (Vincent Van Gogh) เจ้าของผลงาน Sunflowers และ The Starry Night ที่โด่งดังไปทั่วโลก และยังมีชื่อเสียงจากการกระทำสุดบ้าระห่ำด้วยการ ‘หั่นหู’ ตัวเองด้วยเหตุผลบางประการที่ยังคงเป็นประเด็นโต้เถียงกันจนถึงทุกวันนี้
ก่อนหน้านี้มีหลายคนพูดว่าพฤติกรรมแสนประหลาดของแวนโก๊ะห์นั้นเกิดจาก ‘ความติสท์’ ซึ่งเป็นอาการที่มักจะเกิดขึ้นกับศิลปินที่มีความรู้สึกลึกซึ้งกับงานศิลปะ แต่ไม่นานมานี้มีงานวิจัยจากเนเธอร์แลนด์ชี้ให้เห็นว่า พฤติกรรมของศิลปินชาวดัตช์ผู้นี้อาจเกิดจากอากาศติดเหล้าอย่างหนัก
ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโกรนินเกน (University Medical Centre Groningen) ได้ตรวจจิตเวชของแวนโก๊ะห์ผ่านการสำรวจจดหมายหลายร้อยฉบับที่ส่วนใหญ่เขียนถึง ‘ธีโอ’ (Theo) น้องชาวสุดที่รักของเขา ร่วมกับบันทึกทางการแพทย์เก่าๆ ที่ยังปรากฎอยู่
เหล่าผู้เชี่ยวชาญพบว่าแวนโก๊ะห์มีอาการเพ้อจากการดื่มเหล้าอย่างหนัก ภายหลังจากที่ตัดหูตัวเอง แต่เนื่องด้วยนี่เป็นการวินิจฉัยโดยที่ไม่ได้รับข้อมูลจากผู้ป่วยโดยตรง คณะแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจึงต้องทำงานกันอย่างระมัดระวัง
ที่ผ่านมา หลายคนมักคิดว่าในขณะที่แวนโก๊ะห์มีชีวิตอยู่ เขาต้องทุกข์ทรมานจากโรคจิตเภท ซึ่งส่วนใหญ่โรคที่ถูกคาดเดากันไป คือ โรคไบโพลาร์ (bipolar disorder) และโรคความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบก้ำกึ่ง (borderline personality disorder) อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีการยืนยันทางการแพทย์ว่าแท้จริงแล้วเขาป่วยเป็นโรคเหล่านี้จริงหรือไม่
โดยในงานวิจัยใหม่นี้ ชี้ว่าความจริงแล้วศิลปินชาวดัตช์คนนี้อาจไม่ได้ป่วยทางจิต แต่เขาป่วยเป็นโรคลมบ้าหมู หรือโรคลมชัก ซึ่งเกิดจากความเสียหายของสมอง อันเป็นผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเขา นักวิจัยยังกล่าวอีกว่า การดื่มแต่แอลกอฮอล์ ไม่ทานอาหารที่มีประโยชน์จนขาดสารอาหารสำคัญ และอาการนอนหลับไม่สนิท ประกอบกับความเหนื่อยล้าในจิตใจ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้
งานวิจัยชิ้นนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Bipolar Disorders โดยวิลเลม โนเลน (Willem Nolen) ศาสตราจารย์ด้านจิตเวชศาสตร์และผู้ประสานงานวิจัย ยอมรับว่า ผลงานวิจัยอาจมีการคลาดเคลื่อน เนื่องจากจดหมายที่เป็นหลักฐานสำคัญในการวิเคราะห์ อาจมีเรื่องที่ไม่เป็นความจริงอยู่บ้าง เพราะเดิมทีจดหมายเหล่านั้นเขียนถึงสมาชิกในครอบครัวเพื่อสร้างความมั่นใจ และความสบายใจให้กับพวกเขา ไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อใช้ในทางการแพทย์ ดังนั้นบทความนี้จะไม่ใช่บทความสุดท้ายที่มีการวินิจฉัยอาการป่วยของแวนโก๊ะห์อย่างแน่นอน
หลายคนมองว่าความคิดสร้างสรรค์ของแวนโก๊ะห์ บางครั้งอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพจิตก็จริง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะยืนยันว่าความสำเร็จของเขา มีรากฐานมาจากทักษะฝีมืออันยอดเยี่ยม ซึ่งเกิดจากการทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนามาหลายปี
ผู้ที่เคยใกล้ชิดกับแวนโก๊ะห์เคยให้ข้อมูลไว้ว่า แวนโก๊ะห์ไม่ค่อยทำงานในช่วงที่อาการป่วยกำเริบ และต่อให้เขาจะต้องต่อสู้กับความวุ่นวายในใจ แต่แวนโก๊ะห์ก็มีแรงบันดาลใจอย่างมากที่จะวาดภาพต่อไป โดยศิลปินมากความสามารถผู้นี้เคยอธิบายว่า “มิตรภาพที่ลึกซึ้ง” เป็นวิธีการรักษาเดียวของเขา
ภาพสุดท้ายที่แวนโก๊ะห์เขียนก่อนจบชีวิตตัวเอง มีชื่อภาพว่า ทางสามแพร่ง (Wheatfield with Crows) ซึ่งเป็นรูปที่นักวิจารณ์วิเคราะห์กันว่า แวนโก๊ะห์อาจจะต้องต้องบอกให้คนอื่นรู้ว่าเขาพยายามหาทางออกให้ชีวิตตัวเองอยู่ แต่ไม่รู้ว่าต้องเดินไปทางไหน โดยหลังวาดภาพนี้เสร็จ แวนโก๊ะห์ก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยปืนลูกโม่ ก่อนจะเสียชีวิตลงในวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1890
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER