ผู้นำประเทศ แม้จะอยู่ในอำนาจ แต่ก็ต้องสามารถถูกตรวจสอบได้ และหากพบว่ามีความผิด ในหลายๆ ประเทศก็มีกระบวนการในการจัดการ และลงโทษที่แตกต่างกันไป อย่างล่าสุด สภาครองเกรสของ
เปรู โหวตให้ประธานาธิบดีมาร์ติน วิซคาร์รา (Martin Vizcarra) พ้นจากตำแหน่ง หลังมีการพิจารณาประเด็นที่วิซคาร์ราเข้าไปพัวพันกับคดีคอร์รัปชั่น โดยนี่เป็นความพยายามครั้งที่ 2 ของฝ่ายนิติบัญญัติในการฟ้องร้องเพื่อปลดประธานาธิบดี หลังการลงคะแนนในครั้งแรกล้มเหลวไปในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา
การลงมติดังกล่าว จัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 9 ก.ย. โดยการปลดประธานาธิบดีนั้นจำเป็นต้องได้รับคะแนนสนับสนุนเกินกว่า 87 เสียง จาก 130 เสียง ซึ่งการโหวตถอดถอนประธานาธิบดีครั้งนี้ได้คะแนนสูงถึง 105 คะแนน นับเป็นการสิ้นสุดการต่อสู้เพื่อยื้อตำแหน่งประธานาธิบดี เนื่องจากการลงมติถือเป็นการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของสภาคองเกรส
ด้านประธานาธิบดีมาร์ติน วิซคาร์รา ได้กล่าวในงานปราศรัยระดับประเทศว่า เขายอมรับการตัดสินดังกล่าว แต่เขาไม่เห็นด้วยกับมันอย่างแน่นอน และชาวเปรูจะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าการโหวตครั้งนี้มันดีแล้วหรือไม่
สำหรับคนที่จะเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีชั่วคราวแทนนายวิซคาร์ราจนกว่าจะสิ้นสุดวาระในเดือนกรกฎาคมปีหน้าคือ มานูเอล มาริโน (Manuel Merino) ประธานสภาคองเกรส ผู้ร่างกฎหมายฝ่ายค้าน และนักธุรกิจ
ที่ผ่านมาวิซคาร์ราถูกกล่าวหาว่า รับสินบนจากบริษัทก่อสร้างในท้องถิ่น ในฐานะผู้ว่าการเหมืองแร่ขนาดเล็กในช่วงต้นปี 2010 และได้รับเงิน 641,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 19 ล้านบาท ซึ่งจากคดีดังกล่าวอาจทำให้เขาต้องโทษจำคุกอย่างน้อย 15 ปี หากพบว่ามีความผิดจริง อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีได้ปฏิเสธข้อกล่าวหามาตลอด และกล่าวหาว่าฝ่ายนิติบัญญัติฟ้องร้องเขา เพื่อเลื่อนการเลือกตั้งในเดือนเมษายน
ฝ่ายรัฐบาลของวิซคาร์รา เปิดเผยว่า การฟ้องร้องที่นำมาซึ่งการปลดประธานาธิบดีในครั้งนี้ เป็นการกระทำที่ปราศจากความยุติธรรม นอกจากนี้ยังเป็นการจงใจใช้รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศมาเป็นเครื่องมือในการขับไล่ประธานาธิบดีด้วย
ไม่กี่นาทีหลังจากการลงคะแนนปลดประธานาธิบดี กลุ่มผู้สนับสนุนวิซคาร์ราก็ได้ออกมาตัวกันนอกสภาคองเกรสเพื่อประณามสิ่งที่พวกเขากล่าวว่ามันคือ ‘รัฐประหาร’ นอกจากนี้ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าการปลดประธานาธิบดีครั้งนี้จัดขึ้นอย่างไม่เหมาะสมท่ามกลางวิกฤตการณ์ COVID-19 ที่กำลังกัดกินประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า การลงจากตำแหน่งของวิซคาร์ราเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกับอดีตประธานาธิบดีเปโดร พาโบล คุชซินสกี (Pedro Pablo Kuczynski) ซึ่งถูกกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง หลังโดนฟ้องร้องข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับคอร์รัปชั่นในปี 2018
อ้างอิงจาก
https://www.nytimes.com/2020/11/09/world/americas/Peru-president-Vizcarra-impeached.html
https://www.bbc.com/news/world-latin-america-54872826
#BRIEF #TheMATTER