คุณคิดว่าผู้นำโลกตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมากพอแล้วหรือยัง? ล่าสุด ดาไล ลามะ ผู้นำแห่งจิตวิญญาณของชาวทิเบตได้ออกมาเรียกร้องให้ผู้นำโลกหันมาสนใจปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ก่อนที่โลกของเราจะพบกับวันที่สายเกินไป
หากพระพุทธเจ้าเสด็จกลับมายังโลกมนุษย์ในปัจจุบัน “พุทธองค์ย่อมเป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติ” คือ ข้อความท่อนหนึ่งในหนังสือเล่มใหม่ของดาไล ลามะ ซึ่งล่าสุด ทรงให้สัมภาษณ์กับ Channel 4 และ The Guardian ว่า “โลกของเรากำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนอาจจะมีวันที่น้ำในแม่น้ำแห้งขอด” รวมไปถึง “ทิเบตอาจแห้งแล้งไม่ต่างไปจากอัฟนิสถาน” ทรงเน้นย้ำว่า ผลลัพธ์อันเลวร้ายนี้จะส่งผลกระทบต่อคนนับพันล้านคนทั่วโลกเมื่อที่ราบสูงอย่างทิเบตที่ถูกเรียกว่าเป็น ‘หลังคาของโลก’ ได้รับผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
องค์ดาไล ลามะ ได้ทรงประกาศเลิกทำกิจทางการเมืองและการเป็นผู้นำจากการปลดแอกตนเองของทิเบตออกจากจีนไปแล้วตั้งแต่ ค.ศ.2011 ปัจจุบัน ทรงหันมาสนใจและรณรงค์เรื่องระบบนิเวศแทน โดยทรงกล่าวย้ำว่าปัญหาเรื่องทรัพยากรทางธรรมชาตินั้น “สำคัญมากถึงมากที่สุด” สำหรับพระองค์เอง
ทรงกล่าวย้ำถึงผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ว่าทรงคาดหวังอย่างมากว่า พวกเขาจะนำข้อตกลงที่ได้ตกลงกันไว้ในข้อตกลงปารีสมาปฏิบัติใช้จริง “สหประชาชาติควรยกการจัดการปัญหาดังกล่าวมาเป็นวาระสำคัญ”
โดยเมื่อ Channel 4 และ The Guardian ถามพระองค์ว่าทรงคิดว่าผู้นำโลกได้ทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง ทรงตอบว่า “ชาติมหาอำนาจต่างๆ ควรให้ความสนใจต่อเรื่องระบบนิเวศมากขึ้น ข้าพเจ้าหวังว่าชาติมหาอำนาจจะยอมสละงบประมาณจากเดิมที่ใช้จ่ายในเรื่องอาวุธและการสงคราม ผันมาเป็นงบประมาณในการบริหารจัดการทรัพยากร ที่จะยับยั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศแทน” ทรงกล่าวเสริมว่า “ข้าพเจ้าอยากเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคกรีน มันดูเป็นความคิดที่ดี”
ทรงเคยพูดถึงการจัดการปัญหาด้วยมุกตลกว่า ถ้าอยากจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ ควรจับผู้นำมาไว้ในห้องที่ลงกลอนเอาไว้ “แล้วต่อท่อคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในห้อง จนกว่าพวกเขาจะตระหนักได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาที่สำคัญมากเพียงใด” ทรงอธิบายเพิ่มเติมว่า “คนที่มีไลฟ์สไตล์หรูหราในห้องที่เต็มไปด้วยออกซิเจน คงจะจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ยาก”
ทรงกล่าวถึงอัตราการบริโภคของมนุษย์ที่ล้นเกินอีกด้วย โดยทรงผันพระองค์เองมาเป็นมังสาวิรัตตั้งแต่ ค.ศ.1965 แต่ปัจจุบันหมอได้เริ่มแนะนำให้พระองค์กลับมารับประทานเนื้อสัตว์บ้าง จากปัญหาทางสุขภาพส่วนพระองค์
ในช่วงหลังมานี้ ทรงเลิกการวางท่าทีต่อต้านรัฐบาลจีน ทรงหันมาพูดถึงการเป็นหนึ่งเดียวกันของประชากรโลกกว่า 7 พันล้านคน ทรงกล่าวย้ำว่า “เราเห็นความเห็นใจต่อชาติของข้าพเจ้า ศาสนาของข้าพเจ้า และศาสนาของพวกเขามามาก แต่ปัญหาเหล่านี้นี่แหละ ที่สร้างปัญหาความขัดแย้งบนความต่างทางศาสนา และปัญหาระหว่างชาติ ซึ่งทำให้ตอนนี้เราควรหันไปสู่การเป็นหนึ่งเดียวกัน” โดยทรงยินดีที่จะอยู่ร่วมกับจีน ซึ่งทรงเรียกว่าเป็น “ประเทศที่มีพลเมืองนับถือพุทธศาสนามากที่สุดในขณะนี้”
ปัจจุบัน ดาไล ลามะ ทรงลี้ภัยทางการเมืองออกนอกจากจีนตั้งแต่ยังทรงมีอายุเพียง 2 ชันษา โดยความเชื่อของชาวทิเบตและชาวพุทธนิกายวัชรยานของทิเบตนั้น ดาไล ลามะ ถือได้ว่าทรงเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ ทรงเปลี่ยนผ่านตำแหน่งประมุขผ่านการกลัชาติมาเกิดใหม่เรื่อยๆ จากดาไล ลามะพระองค์หนึ่ง สู่ดาไล ลามะอีกพระองค์หนึ่ง ความเชื่อเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายใต้นโยบายจีนเดียวของรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน โดยในปัจจุบัน ดาไล ลามะ ได้ทรงประทับลี้ภัยอยู่ที่เมืองธรรมศาลา รัฐหิมาจัลประเทศ ของอินเดีย
อ้างอิงจาก
https://www.theguardian.com/…/buddha-would-be-green-dalai-l…
https://www.channel4.com/…/dalai-lama-says-buddha-would-be-…
https://www.biography.com/religious-figure/dalai-lama….