หลังมีการปล่อยแผนสร้างเมืองบนดาวอังคารให้ตื่นตาตื่นใจกันมาแล้ว ล่าสุด อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีจาก SpaceX ได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการสร้างอาณานิคมบนต่างดาวอีกครั้ง โดยเขาเปิดเผยว่า โดมแก้วขนาดใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์กลุ่มแรกบนดาวอังคาร
การสร้างโดมแก้ว เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสร้างเมืองบนดาวอังคารแบบพึ่งพาตนเอง 100% และไม่มีการเชื่อมโยงพลังงานใดๆ กับโลก มัสก์ตั้งเป้าหมายว่าแผนการเหล่านี้จะต้องสมบูรณ์ก่อนที่โลกจะเกิดวิกฤต หรือเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งหากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โครงการนี้จะเสร็จสิ้นก่อน ค.ศ.2050
มหาเศรษฐีชาวแคนาดากล่าวว่า เขาจำเป็นต้องสร้างอาณานิคมที่รองรับการอยู่อาศัยของมนุษย์เช่นเดียวกับโลก ที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์ รวมถึงนักเขียนนิยายไซไฟได้เสนอแนะให้สร้างพื้นดินที่มีลักษณะเหมือนกันโลก เพื่อให้มนุษย์ใช้ชีวิตได้อย่างเสรีบนดาวอังคาร แต่เปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้ของมันยังน้อยนิดมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการย้ายถิ่นฐานไปต่างดาวครั้งแรก
มัสก์อธิบายเพิ่มเติมว่า การ Terraforming (การปรับสภาพดวงดาวให้มีลักษณะที่มนุษย์สามารถอาศัยอยู่ได้ ด้วยการปรับบรรยากาศ อุณหภูมิ สภาพพื้นผิว ระบบนิเวศน์ ให้มีลักษณะคล้ายโลก) มันช้าไปแล้วสำหรับช่วงชีวิตนี้ แต่เขายังมุ่งมั่นจะสร้างรากฐานใหม่ของมนุษยชาติที่ดาวอังคาร หรืออย่างน้อยก็สร้างอารยธรรมบนอวกาศเพื่อให้ใครสักคนมาสานต่อ ไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ แต่สักวันหนึ่งอาจมีใครค้นพบซากปรักหักพังของเรา พวกเขาต้องประทับใจที่มนุษย์มาไกลถึงจุดนี้
Terraforming Mars ถือเป็นงานที่มีคามท้าทายอย่างมาก จากการวิเคราะห์เมื่อปีที่แล้ว ได้ข้อสรุปว่าอาจต้องใช้หัวรบนิวเคลียร์ 3,500 หัวทุกวันเพื่อเพิ่มความดันบรรยากาศของดาวอังคารให้อยู่ในระดับที่สามารถระบายอากาศได้ และต้องละลายน้ำแข็งของดาวเคราะห์เพื่อปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งจะถูกกักไว้ในรูปของก๊าซเรือนกระจก แต่อุปสรรคก็คือ รังสีอัลตราไวโอเลตที่มีปริมาณมากเกินไป
นอกจากนี้ จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Astronomy ปี 2018 ยังสรุปว่า ปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนดาวอังคารไม่เพียงพอที่จะเพิ่มความดันบรรยากาศ ให้มากพอที่ดำรงชีวิตได้ มากที่สุดที่จะเป็นไปได้คือเพิ่มประมาณความดันบรรยากาศของดาวอังคารจาก 6% เป็น 7% แต่นั่นก็ยังไม่มากพอที่จะช่วยไม่ให้อวัยวะของมนุษย์ถูกฉีกกระชาก หรือถ้าคุณบังเอิญรอดชีวิตมาได้อีกหน่อย คุณก็จะหายใจไม่ออกจากการขาดออกซิเจน หรือไม่ก็ถูกแช่แข็งจากอุณหภูมิติดลบ
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเหล่านี้ไม่สามารถหยุดความฝันของมหาเศรษฐีคนนี้ได้ มัสก์เคยอธิบายไว้ก่อนหน้านี้ว่า ยานอวกาศ Starship กว่าหนึ่งพันลำของเขาสามารถบรรทุกสินค้าได้ถึง 100 ตัน หรือผู้โดยสารราวๆ 100 คน ดังนั้นการสร้างอาณานิคมที่ยั่งยืนบนดาวอังคารก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว
เขายอมรับ แผนการนี้ยาก และมีความเสี่ยงอย่างมาก แต่ความทะเยอะทะยานเป็นหัวใจหลักของผู้ประกอบการเช่นเขา มัสก์กล่าวว่า ถ้าเขาไม่พยายามพัฒนาหรือปรับปรุงอะไรเลย เขาคงต้องตายก่อนจะไปดาวอังคารอย่างแน่นอน
อีลอน มัสก์ และบริษัท SpaceX เดินทางมาไกลมากในเส้นการพิชิตอวกาศ ในช่วงแรกๆ ของการพัฒนา ยาน Starship บินได้สูงเพียง 500 ฟุตเท่านั้น แต่หลายสัปดาห์ต่อมา ยานต้นแบบก็สามารถไต่ถึงความสูงที่ระดับ 9 ไมล์ได้สำเร็จ และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ยาน Starship ลำแรกจะเดินทางไปถึงดาวอังคารในปี ค.ศ. 2024
อ้างอิงจาก
https://futurism.com/elon-musk-first-mars-city-will-start-with-glass-domes
https://futurism.com/the-byte/terraform-mars-elon-musk-nasa
#BRIEF #TheMATTER