แม้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่จังหวัดสมุทรสาคร เป็นสายพันธ์ุใด แต่สิ่งที่เรารู้กันคือการแพร่ระบาดนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วมาก จบเกือบจะมีรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่รายชั่วโมงเลยทีเดียว ทำให้ตอนนี้ไม่สามารถตัดข้อสันนิษฐานที่ว่าประเทศไทยอาจเผชิญหน้ากับ COVID-19 สายพันธ์ุใหม่ทิ้งไปได้เลย และหากย้อนกลับไปประมาณหลายสัปดาห์ก่อน อีกหนึ่งประเทศที่ต้องรับมือกับเจ้าเชื้อไวรัสตัวใหม่นี้ก็คือ ประเทศอังกฤษ
ที่ผ่านมา อังกฤษต้องรับมือการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไวรัสที่ระบาดอยู่นั้นเป็น COVID-19 สายพันธ์ุใหม่ ที่ถูกตั้งชื่อว่า ‘VUI-202012/01’ ซึ่งหลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมออกมา มีหลายคนเชื่อว่า VUI-202012/01 เป็นสายพันธ์ุที่แพร่เชื้อเร็วขึ้น และมีความรุนแรงมาขึ้น แต่ภายหลังหัวหน้าเจ้าหน้าที่แพทย์อังกฤษ ได้ออกมาบอกว่าอังกฤษพบเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่จริง แต่ไม่พบหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่าเชื้อไวรัสชนิดนี้จะก่อให้เกิดอาการรุนแรงขึ้น รวมถึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่นี้จะแพร่กระจายได้เร็วขึ้นจริงหรือไม่
ต้องอธิบายก่อนว่า ระบบ Global Initiative on Sharing All Influenza Data (GISAID) ได้ทำการวิเคราะห์ตัวอย่างของยีนพันธุกรรมของ COVID-19 กว่า 185,000 ยีน ซึ่งยีนเหล่านี้ถือเป็นฐานข้อมูลของยีนเชื้อ COVID-19 ที่แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการสายพันธุ์สำคัญของเชื้อโควิด-19 ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยสายพันธุ์แรกท่ีในเมืองอู่ฮั่นคือ สายพันธ์ุ L จากนั้นช่วงต้นปี 2020 ได้กลายพันธ์ุเป็นสายพันธุ์ S และกลายพันธ์ุอีกครั้งจนเป็น V และ G โดยสายพันธุ์ G ยังได้กลายพันธุ์ไปเป็นสายพันธุ์ GR, GH และ GV ส่วนการกลายพันธ์ุที่พบในอังกฤษ และยุโรปตอนนี้คือ GV และอาจจะมีการกลายพันธ์ุต่อไปอีก เนื่องจากมันเป็นวิวัฒนาการของชีวิตไวรัส เพราะฉะนั้นนี่จึงไม่ใช่ครั้งแรกที่โลกต้องเผชิญหน้ากับการกลายพันธ์ุของโรคดังกล่าว
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ที่ผ่านมา สำนักข่าว The Wall Street Journal รายงานว่าจากการตรวจสอบ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้สรุปเบื้องต้นว่า ไวรัสได้กลายพันธุ์ และเพิ่มความสามารถในการเกาะติด และเข้าสู่เซลล์ของมนุษย์ โดยมีการเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโนที่ตำแหน่ง 501 เรียกว่า N501Y ส่งผลให้ส่วนหนามที่เปลือกนอกของไวรัสเกิดการเปลี่ยนแปลงจุดที่จับกับเซลล์มนุษย์ หรือที่เรียกว่า Receptor Binding Protein ส่งผลให้ไวรัสชนิดใหม่นี้มีการแพร่กระจายเร็วกว่าไวรัสรุ่นก่อนถึง 70%
ดังนั้นสำหรับคำถามหลักๆ 3 ข้อที่คนสงสัยคือ ไวรัสชนิดใหม่แพร่กระจายเชื้อได้เร็วขึ้นไหม และมันมีความรุนแรงมากกว่าไวรัสตัวเดิมหรือเปล่า รวมถึงมันจะสามารถเอาชนะวัคซีนที่ได้รับการฉีดเข้าไปในร่างกายได้ไหม Patrick Vallance หัวหน้าที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลอังกฤษ ได้ตอบว่า ไวรัสชนิดใหม่นี้จะทำให้อัตราการแพร่เชื้อระหว่าง คน-คน สูงขึ้น และหากย้อนไปดูสถิติ ไวรัสตัวนี้ถูกพบระบาดครั้งแรกในเดือนกันยายน ที่กรุงลอนดอน และในเดือนพฤศจิกายนพบว่าผู้ป่วยกว่า 28 เปอร์เซ็นเป็นผู้ที่ติดเชื้อด้วยไวรัสสายพันธ์ุใหม่นี้ และจากการวัดผลล่าสุดคือวันที่ 9 ธันวาคม พบว่าตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 62 เปอร์เซ็นต์
แต่ข่าวดีคือไวรัสสายพันธ์ุใหม่ ไม่ได้มีความรุนแรงมากกว่าสายพันธ์ุเดิม หรืออาจจะน้อยกว่าด้วยซ้ำ รวมถึงมันยังไม่สามารถเอาชนะวัคซีนที่อังกฤษมีอยู่ในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ตามทฤษฎีแล้ว มีโอกาสที่ไวรัสจะเปลี่ยนแปลงการตอบสนองระบบภูมิคุ้มกัน แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต เนื่องจากตอนนี้ยังไม่เห็นหลักฐานว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ฝั่งของด็อกเตอร์ Neville Sanjana จากศูนย์ New York Genome Center ยังเสริมเพิ่มเติมว่า โดยทั่วไปการกลายพันธุ์ของไวรัสเพียงครั้งเดียวจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพของวัคซีนที่ฉีดเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ แต่ก็ขอให้ทุกคนอย่าวางใจ และปฏิบัติตามมาตรการรัฐอย่างเข้มงวดเช่นเดิม
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER