“หยุด นี่คือตำรวจ!” คงไม่ใช่เสียงที่ใครอยากได้ยินมากนัก โดยเฉพาะเมื่อคุณอาจจะถูกจับตัวในประเทศที่มีสงครามการต่อต้านยาเสพติด โดยล่าสุด มีกระแสที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเป็นวงกว้างในฟิลิปปินส์ ประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนของเรา ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาแกล้งประชาชน ด้วยการเข้าแสดงตัวเพื่อจับกุมพวกเขา ก่อนจะเฉลยว่าทั้งหมดคือการแกล้งกัน พร้อมมอบของขวัญและร้องเพลงสุขสันต์วันคริสมาสต์เป็นการอวยพรปิดท้ายกันแบบงงๆ
ในเมืองเซบู (Cebu) ของฟิลิปปินส์ สองพนักงานในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งกำลังให้บริการลูกค้าของพวกเขาตามปรกติ ก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะตกใจอย่างสุดขีด เพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจับกุมพวกเขา ด้วยข้อหาฆาตกรรม จากรายงานระบุว่า พนักงานปั๊มน้ำมันทั้งสองไม่สามารถกลั้นน้ำตาของความกลัวออกมาได้ จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบร้องเพลง “We wish you a Merry Christmas, we wish you a Merry Christmas!” เป็นการเฉลยว่าพวกตำรวจแค่ต้องการจะแกล้งพวกเขาเล่นก็เท่านั้น
การแกล้งดังกล่าวเกิดขึ้นจากความพยายามของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเซบู ที่อยากจะมอบคำขอบคุณให้แก่คนงานที่ต้องคอยเสียสละทำงานอยู่ทุกวัน ถึงแม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ด้วยการมอบของขวัญให้แก่คนงานเหล่านี้ เพื่อหวังว่าจะเป็นการส่งต่อความรู้สึกดีๆ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่จะถึงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกกว่า 92 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด
“ฉันกลัวกุญแจมือนั่นมาก” คือ คำพูดของหนึ่งในพนักงานหญิงของปั๊มน้ำมันแห่งนี้ ผ่านไลฟ์เฟซบุ๊กของสถานีตำรวจประจำเมืองเซบู โดยถึงแม้ว่าพวกเขาจะออกมากล่าวว่า ทุกอย่างเป็นเพียงแค่การหยอกกันเล่นๆ ก็เท่านั้น แต่ดูเหมือนกระแสผู้คนที่เห็นคลิปดังกล่าวจะไม่คิดเช่นนั้นเลย
“เรื่องนี้มันไม่ตลกเอาเสียเลย” เอเดร โอลาเลีย (Edre Olalia) ประธานสหภาพทนายความเพื่อประชาชนแห่งชาติ (National Union of People’s Lawyers) ให้สัมภาษณ์ กับทาง VICE World News “ในขณะที่การวิพากษ์วิจารณ์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในประเด็นการทำงานที่ไม่เป็นมืออาชีพ และการเล่นการเมือง สิ่งที่พวกเขาทำเป็นเรื่องตลกร้าย ซึ่งทำให้ประชาชนผู้ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องตกอยู่ในความกลัวและความหวาดระแวง” เช่นเดียวกันกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของฟิลปปินส์ ที่ออกมาแสดงความเห็นว่าเรื่องดังกล่าว “เป็นการใช้อำนาจที่ไม่จำเป็น” ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้ง “การแสดงการเข้าจับกุมควรจะเป็นไปตามหลักนิติธรรม” และการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่ได้น่าขำเลย
ในขณะที่ โฮเซฟิโน ลิกาน (Josefino Ligan) ผู้กำกับประจำสถานีตำรวจเมืองเซบูออกมาปกป้องการแกล้งประชาชนดังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำกิจกรรมดังกล่าวต่อเนื่องมาแล้วกว่า 3 ปีที่ผ่านมา โดยลิกานกล่าวว่า เป้าหมายที่ถูกแกล้งได้รับเลือกจากเจ้าของห้างร้านที่ตำรวจเข้าไปแกล้งเอง “เราคำนึงถึงเงื่อนไขทางสุขภาพของเป้าหมายที่เราจะเข้าไปแกล้งด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างสูง” ลิกานกล่าวเสริม ในขณะที่ อัลเฟรโด ทาน (Alfredo Tan) คณะกรรมการสภาที่ปรึกษาตำรวจลงความเห็นว่า การแกล้งดังกล่าวทำขึ้นบนเจตนาอัน ‘บริสุทธิ์’ และพวกเขาเพียงแค่ต้องการจะมอบประสบการณ์ความสุขอันไม่รู้ลืมให้แก่เป้าหมายที่ถูกเลือกก็เท่านั้น
อย่างไรก็ดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติของฟิลิปปินส์ยังไม่มีการออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการต่อประเด็นความอ่อนไหวดังกล่าว และยังคงไม่มีการสั่งระงับกิจกรรมการแกล้งประชาชนนี้ด้วย
มันคงเป็นภาวะปรกติในความผิดปรกติ ที่ประชาชนชาวฟิลิปปินส์จะหวาดกลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบเนื่องจากการประกาศนโยบายการทำสงครามต่อต้านยาเสพติดของประธานาธิบดี โรดรีโก ดูแตร์เต (Rodrigo Duterte) ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.2016 ที่ผ่านมา จากรายงานระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสร้างหลักฐานเพื่อเข้าจับกุม ตลอดจนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมประชาชนผู้บริสุทธิ์อีกด้วย
ทั้งนี้ มีรายงานจาก Human Rights Watch ว่า ในเดือนสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากการทำสงครามต่อต้านยาเสพติด ที่ได้รับการยืนยันจากทางการรวมแล้วกว่า 5,810 ราย ในขณะที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Human Rights Council) รายงานว่าอาจมีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 8,600 รายขึ้นไป และตัวเลขผู้เสียชีวิตดังกล่าว อาจมีจำนวนมากกว่านั้นอีกกว่า 3 เท่าตัว
อ้างอิงจาก
https://www.hrw.org/news/2020/09/08/killings-philippines-50-percent-during-pandemic
#Brief #TheMATTER