หลังเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ก็ได้ออกมาแถลงทันทีว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม ‘แรงงานข้ามชาติ’ นำมาซึ่งการแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลายในโซเชียลมีเดีย บ้างว่าทำไมประเทศไทยจึงต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติอีกครั้ง เพราะกลุ่มคนต่างชาติด้วย ในขณะที่บางฝ่ายมองว่าแรงงานไม่ใช่ต้นตอของปัญหาทั้งหมด แต่มันเกิดจากความหละหลวมของรัฐบาลต่างหาก
แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าแรงงานข้ามชาติเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ทำให้การระบาดระลอกสองแพร่กระจายไปในวงกว้าง ทำให้หลายคนเริ่มมีคำถามถึงความจำเป็นของการรับแรงงานข้ามชาติ รวมถึงความสำคัญของแรงงานข้ามชาติต่อระบบเศรษฐกิจไทย
ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยเปรียบเหมือนโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่ง ผศ.ดร.สุกานดา เหลืองอ่อน ลูวิส กล่าวไว้ว่า เป็นผลจากการพัฒนาเศรษฐกิจและเกิดจากการมุ่งเป็นประเทศฐานการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ทำให้ประเทศไทยต้องการแรงงานจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม แรงงานข้ามชาติจึงมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยดังเช่นทุกวันนี้
รศ.ดร. กิริยา กุลกลการ จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในการบรรยาย หัวข้อเรื่อง “การจัดการแรงงานข้ามชาติในต่างประเทศกับการพัฒนาเศรษฐกิจ: บทเรียนสำหรับประเทศไทย” ว่า ปัจจัยที่ดึงดูดการหลั่งไหลแรงงานข้ามชาติให้เข้ามาในประเทศ คือ รายได้ต่อหัวของไทยสูงกว่าประเทศต้นทาง รวมถึงสัดส่วนคนจนในไทยยังน้อยกว่าสัดส่วนของประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ไทยมีแรงงานต่างชาติอพยพเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะแรงงานจาก เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และเวียดนาม จากข้อมูลของสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กระทรวงแรงงาน เดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยมีแรงงานต่างด้าวจาก 4 สัญชาติที่กล่าวถึง เข้ามาทำงานในประเทศสูงถึง 2,114,609 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานไร้ฝีมือ (Non-Skilled Labor)
การรับแรงงานต่างชาติเข้ามาในไทยเป็นการแลกเปลี่ยนที่ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการพัฒนาเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ควบคู่ไปกับการยกระดับการศึกษา ทำให้แรงงานที่เป็นคนไทยส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่มีทักษะ (Skilled Labor) และมุ่งเข้าหางานประเภทอื่นๆ ที่มีระดับรายได้ดีกว่า ผู้ประกอบการไทยจึงขาดแคลนแรงงานกลุ่มกรรมกร และแรงงานราคาถูกมาอุดงานฐานการผลิต แรงงานข้ามชาติจึงเป็นเหมือนฐานให้กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งกรณีเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่ไทยเท่านั้น แต่ประเทศอื่นๆ อย่างเกาหลีใต้ ก็มีแรงงานชาวไทยอพยพเข้าไปมากมาย ทั้งแบบถูกกฎหมาย และผิดกฎหมาย หรือได้ยินกันบ่อยๆ ว่า ‘ผีน้อย’
ความเชื่อมโยงทางผลประโยชน์ต่างๆ ได้กลายมาเป็นสิ่งที่ทำให้ไทยกับแรงงานต่างชาติแยกออกจากกันไม่ได้ เพราะไม่เพียงแต่กลุ่มแรงงานเท่านั้นที่สูญเสียผลประโยชน์ แต่ผู้ประกอบการชาวไทยเองก็ต้องเจอวิกฤติไม่น้อยหากขาดแรงงานกลุ่มนี้ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศเรากำลังก้าวเข้าสู่งสังคมผู้สูงอายุแล้วอย่างทุกวันนี้แล้วด้วย ดังนั้น วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด และได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่ายคือการสร้างระบบที่เอื้อต่อการรับแรงงานข้ามชาติอย่างถูกกฎหมาย เพื่อดูแลเหล่าแรงงานได้อย่างทั่วถึงทั้งรุ่นหนึ่ง และรุ่นสอง (ทายาทของแรงงานต่างชาติรุ่นแรก) ไม่ใช่เพียงเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 แต่เพื่อไม่ให้เขาเหล่านั้นกลายเป็นคนนอกที่ไม่มีกฎหมายคุ้มครอง ตรวจสอบไม่ได้ และอาจกลายเป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์ในท้ายสุด
ปัญหาที่ประเทศเราเจออยู่ตอนนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายผ่านเส้นทางธรรมชาติ โดยมีนายหน้าคอยให้ความช่วยเหลือ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งกรณีตัวอย่างที่ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของระบบ และการจัดการ ท้ายที่สุดแล้ว ต่อให้เราหยิบยกเอาวิธีแก้ปัญหาแบบสิงคโปร์โมเดล หรือประเทศใดๆ มาใช้ แต่ถ้าไม่แก้ที่ต้นตอให้ถูกจุด มันก็ยังไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน และสุดท้ายเราคงต้องรับมือกับโรคระบาดนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
อ้างอิงจาก
https://www.doe.go.th/prd/assets/upload/files/alien_th/427e1252b1e7717c9a0d99db53184a9e.pdf
https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/503498
http://prp.trf.or.th/trf-policy-brief/สถานะและปัญหาทางสังคมเ/
https://prachatai.com/journal/2020/12/90878
https://tsri.or.th/th/news/detail/migrant-workers-and-thai-economic-development
#Brief #TheMATTER