ท่ามกลางสถานการณ์ที่เป็นพิษต่อสุขภาพเช่นนี้ หันไปทางซ้ายก็เจอฝุ่น PM 2.5 หันไปทางขวาก็เจอ COVID-19 จะรู้ได้อย่างไรว่าอาการคัดจมูก แสบคอนี่ เกิดจากโรคภูมิแพ้เจ้าเก่าเจ้าเดิม หรือเกิดจาก COVID-19 ผู้ท้าชิงรายใหม่ที่มีฤทธิ์ร้ายไม่แพ้กัน ดังนั้น เราจึงต้องหมั่นตรวจสอบ และเช็คสภาพร่างกายไว้เสมอ ซึ่งวิธีตรวจสอบเบื้องต้น ก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยการเช็คลิสต์ ว่าอาการของเรา มีแนวโน้มจะจัดอยู่ในโรคภูมิแพ้ หรือ COVID-19 มากกว่ากัน
สำหรับโรคภูมิแพ้นั้น กรมสุขภาพจิตได้ระบุไว้ว่า เป็นโรคที่เกิดจากการตอบสนองของร่างกายที่ไวต่อสารภูมิแพ้มากกว่าปกติ ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการผิดปกติขึ้นบนอวัยวะที่ไวต่อการสัมผัสสารภูมิแพ้ โดยโรคนี้จะมีอัตราการเกิดจะสูงขึ้นเมื่อผู้ป่วยอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษ อย่างฝุ่น ควัน หรือแม้แต่น้ำเน่าเสีย เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายต้องทำงานหนักขึ้น
ในส่วนของลักษณะอาการของโรคภูมิแพ้นั้นขึ้นอยู่กับบุคคล เนื่องจาก แต่ละคนมีโอกาสเกิดอาการแพ้ต่อสิ่งต่าง ๆ แตกต่างกันไป โดยอาการแพ้ที่มักพบในปัจจุบัน ได้แก่ ภูมิแพ้อากาศ ภูมิแพ้ผิวหนัง ภูมิแพ้อาหาร ภูมิแพ้แมลงสัตว์กัดต่อย บางคนจึงมีอาการคัดจมูกคล้ายเป็นหวัด ไอ หอบ เป็นผื่น หรือแม้แต่หายใจไม่คล่อง ซึ่งหลายๆ อาการที่กล่าวมานั้นก็ดันมีลักษณะคล้ายกับอาหารของผู้ติดเชื้อโรค COVID-19 จึงไม่แปลกที่ผู้ป่วยภูมิแพ้หลายคนจะกังวลมากกว่าปกติ
ส่วนโรคระบาด COVID-19 มีสาเหตุมากจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งเป็นไวรัสพบครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ไวรัสดังกล่าวสามารถแพร่กระจายผ่านการหายใจเอาเชื้อเข้าไปในร่างกาย ซึ่งเกิดขึ้นได้เมื่อเราอยู่ในรัศมีเดียวกับผู้ติดเชื้อที่ไอ จาม หรือแม้แต่พูดออกมา นอกจากนี้ การสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ หรือแม้แต่สัมผัสกับสิ่งของต่างๆ ที่มีการปนเปื้อนเชื้อไวรัส ก็ทำให้ป่วยเป็นโรค COVID-19 ได้
ลักษณะอาการหลังมีการติดเชื้อ COVID-19 จะมีความรุนแรงที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน โดยทั่วไปแล้วในการติดเชื้อระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยมักจะมีอาการคล้ายกับโรคไข้หวัด เช่น มีไข้สูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส ไอแห้ง สูญเสียความสามารถในการลิ้นรถหรือการได้ยินบางส่วน โดยอาการเหล่านี้มักจะค่อยๆ แสดงขึ้น และเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้นตามระยะเวลาติดเชื้อ จนอาจเกิดอาการหายใจลำบาก หายใจถี่ เจ็บหรือแน่นหน้าอก รวมไปถึงสูญเสียความสามารถในการพูดและเคลื่อนไหวในที่สุด และนอกจากอาการเหล่านี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย มีน้ำมูก เจ็บคอ หรือท้องเสีย แต่ในกรณีของผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว มีแนวโน้มที่อาการของโรค COVID-19 จะรุนแรงกว่าคนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม แพทย์พบว่ายังมีผู้ติดเชื้อ COVID-19 อีกกลุ่มที่ไม่มีอาการหรือความผิดปกติใดๆ และสามารถหายเองได้โดยไม่ต้องรักษาด้วยวิธีเฉพาะ แต่ผู้ป่วยกลุ่มนี้ก็ต้องหมั่นเช็คตัวเอง และคอยระวังตัว เพื่อไม่ให้กลายเป็นพาหะโรคโดยไม่รู้ตัว และอาจนำโรคดังกล่าวไปติดคนอื่นต่อได้
แม้ว่าอาการป่วยระยะเริ่มต้นของ COVID-19 และโรคภูมิแพ้จะมีลักษณะใกล้เคียงกัน เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดในระบบทางเดินหายใจด้วยกันทั้งคู่ แต่เมื่อเริ่มป่วยได้สักพักหนึ่ง จะเริ่มเกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ ที่ทำให้สามารถสังเหตเห็นได้ชัดเจนว่าโรคที่เป็นอยู่นั้นจัดอยู่ในกลุ่มใด
ดังนั้น หากไม่รู้สึกไม่มั่นใจว่าตัวเองป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่ ก็ลองเช็คอาการคร่าวๆ ประกอบกับตรวจสอบสถานที่ที่เคยเดินทางไปมา ว่าอยู่ในจุดเสี่ยงหรือไม่ และหากสงสัยว่าตัวเองมีโอกาสป่วยเป็นโรคระบาด COVID-19 ขอให้รีบไปพบแพทย์เพื่อยืนยันผลตรวจ เพราะการพบแพทย์อย่างถูกต้อง นอกจากจะช่วยปกป้องตัวเองจากโรคร้ายได้แล้ว ยังช่วยปกป้องคนอื่นไม่ให้ติดเชื้อเพิ่มอีกด้วย
อ้างอิงจาก
https://www.webmd.com/lung/covid-allergies#1
https://www.dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=30283
http://www.hcc.keio.ac.jp/en/infection/coronavirus-qa.html
https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1424
#Brief #TheMATTER