เป็นไปตามคำสัญญาของ ‘โจ ไบเดน’ ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ ที่ได้รับปากว่าเขาจะใช้คำสั่งโดยตรงแก้ไขสถานการณ์วิกฤตของสหรัฐฯ เบื้องต้น อีกทั้งเปลี่ยนแปลงคำสั่งในยุคสมัยของโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี โดยไบเดนได้สั่งการและลงนามในคำสั่งโดยตรงไปทั้งสิ้น 17 คำสั่ง
หลังจากการทำพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีไบเดนในช่วงบ่าย ไบเดนได้เดินทางไปยังห้องทำงานรูปไข่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณส่วนต่อขยายทางปีกตะวันตกของทำเนียบขาว เพื่อเริ่มการสั่งการและลงนามในคำสั่งโดยตรง ในฐานะประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ โดยคำสั่งหลักประกอบไปด้วยประเด็นการแพร่ระบาด COVID-19 ในสหรัฐฯ ตลอดจนคำสั่งที่ถูกเปลี่ยนแปลงในยุคของทรัมป์ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นโยบายการรับผู้อพยพ ฯลฯ
“ผมกำลังจะเริ่มทำในสิ่งที่ผมสัญญาไว้กับคนอเมริกันทุกคน” ไบเดนกล่าวกับนักข่าว เพื่อเริ่มการสั่งการและลงนามในคำสั่งโดยตรงของประธานาธิบดี ไปทั้งสิ้น 17 คำสั่ง โดยสามารถไล่เรียงได้ดังนี้
คำสั่งด้านสถานการณ์ COVID-19
1. การให้มีโครงการใส่หน้ากาก 100 วัน เพื่อขอความร่วมมือจากชาวสหรัฐฯ ทุกคน ที่จะใส่หน้ากากอนามัยต่อเนื่องกัน 100 วัน ตลอดจนการรักษาระยะห่างทางสังคม ทั้งนี้ ไบเดนได้ขอร้องให้หน่วยงานราชการทั้งระดับรัฐบาลกลาง และระดับมลรัฐ ในการให้ความร่วมมือตามโครงการดังกล่าว เพื่อลดอัตราการติดเชื้อในสหรัฐฯ ลง
2. การสั่งการให้จัดตั้งหน่วยงานประสานงานด้าน COVID-19 ที่จะทำหน้าที่รายงานสถานการณ์ COVID-19 ให้แก่ไบเดนโดยตรง ตลอดจนทำหน้าที่ในการบริหารจัดการนโยบายทั้งการผลิตและการแจกจ่ายวัคซีนและอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ
3. การลงนามหยุดการถอนตัวของสหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก หลังจากที่ทรัมป์พยายามจะถอนสหรัฐฯ ออก ทั้งนี้ ไบเดนได้ตั้ง นพ.แอนโธนี ฟาวชี แพทย์ผู้ชำนาญการที่เป็นอริกับทรัมป์ ให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานที่จะคอยประสานงานกับองค์การอนามัยโลกเพื่อดูแลสถานการณ์ COVID-19 โดยตรง
คำสั่งด้านเศรษฐกิจ
4. การสั่งการให้มีการขยายการเลื่อนชำระหนี้ในภาคประชาชน เพื่อไม่ให้มีการไล่ที่ และการยึดทรัพย์ทั่วประเทศ ออกไปอย่างน้อยจนถึงวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ.2021
5. การสั่งการให้มีการขยายเวลาการพักชำระเงินกู้และดอกเบี้ยเพื่อการศึกษา ของนักเรียนในสหรัฐฯ ด้วยการใช้เงินกู้จากรัฐบาลกลาง ออกไปอย่างน้อยจนถึงวันที่ 30 กันยายน ค.ศ.2021
คำสั่งด้านสิ่งแวดล้อม
6. การลงนามกลับเข้าร่วมข้อตกลงปารีสที่สหรัฐฯ ถอนตัวออกไปในยุคสมัยของทรัมป์ เพื่อทำให้สหรัฐฯ กลับไปมีแนวนโยบายในการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อย่างไรก็ดี กระบวนการกลับเข้าข้อตกลงปารีสของสหรัฐฯ ต้องใช้เวลาดำเนินการอีกประมาณ 30 วัน จึงแล้วเสร็จ
7. การลงนามยกเลิกท่อส่งน้ำมัน Keystone XL ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเคยถูกระงับไปในยุคของบารัก โอบามา แต่ถูกนำกลับมาใหม่ในยุคของทรัมป์ ตลอดจนการจัดตั้งคณะทำงานตรวจสอบโครงการของทรัมป์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมร่วม 100 โครงการ
คำสั่งด้านความเสมอภาค
8. การลงนามยุบหน่วยงาน 1776 Commission ที่ทรัมป์จัดตั้งขึ้น เพื่อส่งเสริมการศึกษาแบบชาตินิยม ตลอดจนการตั้งหน่วยงานเพื่อสอบสวนการกระทำของหน่วยงานดังกล่าว เพื่อทำให้เกิดการศึกษาที่มีความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ
9. การสั่งการให้มีนโยบายห้ามเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน บนพื้นฐานทางความปราถนาทางเพศ และอัตลักษณ์ทางเพศสภาวะของทุกคน
คำสั่งด้านสำมะโน
10. การลงนามคำสั่งให้นับรวมผู้ไม่มีสัญชาติสหรัฐฯ เข้ามาในระบบสำมะโนครัวของสหรัฐฯ ตลอดจนให้ผู้ไม่มีสัญชาติดังกล่าวมีส่วนยึดโยงกับตัวแทนในรัฐสภา
คำสั่งด้านผู้อพยพ
11. การสั่งการให้เสริมความแข็งแกร่งให้กับ DACA หลังจากทรัมป์พยายามยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ที่จะเป็นคำสั่งในการคุ้มครองผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ มาอย่างไม่มีเอกสารรับรองตั้งแต่เด็ก เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้ถูกไล่กลับประเทศที่เขาไม่รู้จักตั้งแต่โตมาในสหรัฐฯ
12. การลงนามกลับข้อจำกัดเดิมของทรัมป์ โดยสหรัฐฯ จะกลับไปอนุญาตให้มีการเดินทางเข้าประเทศของผู้ถือหนังสือเดินทางจากประเทศมุสลิม 7 ชาติอีกครั้ง
13. การลงนามยกเลิกคำสั่งเพิ่มเติมของทรัมป์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้อพยพในสหรัฐฯ
14. การลงนามในการยุติการสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ ผ่านการประกาศการยุติภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ ในการจัดหาเงินทุนสร้างกำแพงในยุคของทรัมป์
15. การสั่งการให้ขยายเวลาการส่งตัวกลับประเทศ และการอนุญาตทำงานในสหรัฐฯ ของชาวไลบีเรีย เพื่อทำให้สหรัฐฯ ได้เป็นที่หลบภัยของชาวไลบีเรีย ที่ทรัมป์เคยมีคำสั่งส่งตัวคนเหล่านี้กลับประเทศ โดยจะขยายเวลาไปจนกว่าจะถึงวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ.2022
คำสั่งด้านจริยธรรม
16. การสั่งการกำหนดให้ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ ต้องลงนามให้คำมั่นด้านจริยธรรม เพื่อห้ามมิให้เกิดการกระทำที่จะเอื้อผลประโยชน์ให้แก่ตนเอง ผ่านตำแหน่งทางราชการ อีกทั้งกำหนดให้รักษาความเป็นอิสระของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ
คำสั่งด้านข้อระเบียบบังคับ
17. การลงนามในคำสั่งให้สำนักงานบริหารและงบประมาณของสหรัฐฯ ให้มีคำแนะนำเพื่อการพัฒนากฎระเบียบต่างๆ ของสหรัฐฯ เพื่อความทันสมัย และยกเลิกคำสั่งและกฎระเบียบต่างๆ ที่ถูกออกในสมัยของทรัมป์
ทั้งนี้ ไบเดนในฐานะประธานาธิบดีคนใหม่ เตรียมพร้อมที่จะออกคำสั่งใหม่เพิ่มเติมในช่วง 10 วันแรกหลังการสาบานตน เพื่อแก้ไขสิ่งที่ประธานาธิบดีคนก่อนเคยสั่งการเอาไว้ ตลอดจนเริ่มแนวนโยบายใหม่ๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ในสหรัฐฯ ทั้งการแพร่ระบาด COVID-19 ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความไม่เท่าเทียม ปัญหาเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ฯลฯ ทั้งนี้ คำสั่งโดยตรงเป็นอำนาจภายใต้ประธานาธิบดีเอง โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาของสหรัฐฯ
อ้างอิงจาก
https://www.cbsnews.com/news/biden-executive-orders-watch-live-stream-today-2021-01-20/
https://edition.cnn.com/2021/01/20/politics/executive-actions-biden/index.html
https://www.bbc.com/thai/international-55735058?
#Brief #TheMATTER