สำหรับคุณแล้ว? Xiaomi คือบริษัทอะไร
.
เพราะผลิตสินค้ามากมายเหลือเกิน ทั้งสินค้าเทคโนโลยี มือถือ เราท์เตอร์ ไปจนถึงสินค้าของใช้ในบ้านที่บ้านๆ สากกะเบือยันเรือรบ
.
บางทีนิยามไม่ได้ว่าพวกเขาเป็นบริษัทอะไร แต่ถึงอย่างนั้น เราก็เต็มใจให้เขาควักเงินในกระเป๋าเราออกไปอยู่ดี
.
เพื่อตามกระแสการเปิดตัวสเป็กของ Mi 11 มือถือเรือธงของ Xiaomi ที่ทางแบรนด์เพิ่งให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการเมื่อราว 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา, The Matter ขออนุญาตเล่าเส้นทางกว่าจะมาถึงวันนี้ของแบรนด์ Xiaomi ผ่านตัวผู้ก่อตั้ง Lei Jun ว่าเขาทำอย่างไร จึงกลายเป็นผู้ผลิตครอบจักรวาลได้แบบทุกวันนี้
.
– สตีฟ จอบส์ แห่งโลกตะวันออก –
Lei Jun จบการศึกษาสาขาคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยอู่ฮัน เขาเคยสัมภาษณ์แบบไม่ปิดบังเลยว่า เจ้าพ่อจอบส์เป็นแรงบันดาลใจในการเรียนของเขา และเป็นผู้ที่ทำให้เขาตั้งจุดมุ่งหมายแสนยิ่งใหญ่ นั่นคือ ‘การสร้างบริษัทที่ดีที่สุดในโลก เหมือนที่จอบส์สร้าง Apple’
.
ในปี ค.ศ.2010 เขาผันตัวจากเจ้าของบริษัทซอฟต์แวร์จีน เรียกตัวหัวกะทิเพื่อนเขา 7 คนที่ทำงานให้ Microsoft/ Google และอื่นๆ มารวมทีมกันเพื่อสร้าง Xiaomi เริ่มแรกเขาตั้งใจจะผลิตมือถือราคาถูกและดี ตามคอนเซปต์ “มือถือเรือธงไม่ต้องแพงอย่างที่คิด” ทำให้มือถือตัวแรก Mi One ซึ่งขายผ่านตลาดออนไลน์เป็นหลัก ก็ทำผลงานขายได้ดีกว่าคิดคาดไว้ไปมาก
.
ดังนั้นต่อจากฮาร์ดแวร์มือถือ Lei Jun เริ่มมองเห็นโอกาสในอุปกรณ์เทคโนโลยีอื่นๆ เขาจึงเริ่มต้นผลิตสินค้าเทคฯ ด้วยคอนเซปต์เดิม ดีที่สุดถูกที่สุด เพื่อสร้าง Ecosystem ของบริษัทตัวเอง นั่นคือจุดเริ่มต้นของการขายสินค้าสากกะเบือยันเรือรบแบบทุกวันนี้
.
แต่ขอกลับมาที่มือถือ Mi นิดหนึ่ง – ความน่าสนใจคือ Lei Jun ที่นับถือจอบส์เป็นไอดอล ทำให้ตัวมือถือที่เขาพัฒนานั้น ชัดเจนว่าคล้ายคลึงกับไอโฟนไม่มากก็ไม่น้อย ขณะที่หลายคนบอกว่า เขามักปรากฏตัวในเวทีเปิดตัวสินค้าด้วยการแต่งกายคล้ายสตีฟ จอบส์ รวมไปถึงการพูดและการพรีเซนต์ที่เลียนแบบกันแบบแทบเคาะกันออกมา จนคนจาก Apple เคยเมนชั่นออกสื่อด้วยว่าพวกเขาเหมือนโจรขโมยดีไซน์
.
น่าแปลกที่กระแสโดนยี้มาเร็วไปเร็ว สินค้าของ Xiaomi หลายชิ้น ไม่ว่าจะกล้องแอคชั่นแคม เครื่องฟอกอากาศ โรบ็อตดูดฝุ่น ฯลฯ ที่ปะแบรนด์ Xiaomi ยังได้รับความนิยม ต้องตามหาพลิกโลกออนไลน์กันเป็นกระแสๆ
.
เพราะอะไร จริงๆ มีข้อวิเคราะห์ที่น่าสนใจ คือเพราะ Xiaomi พยายามวางตำแหน่งตัวเองเป็นมวยรองในโลกสมาร์ทโฟน แต่ต้องการเป็น Global Brand ในฐานะผู้ผลิตสินค้าเทคฯ ที่ ‘ราคาย่อมเยาว์’ นี่อาจจะเป็นเคล็ดลับหนึ่งที่ทำให้แบรนด์กลายเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จระดับโลกก็เป็นได้
.
– กดสูตรถูกและดี ทำได้ยังไง? –
ต้องยอมรับก่อนว่า แม้ Xiaomi จะผลิตของราคาถูกมาขาย แต่ก็เป็นสินค้าที่คุณภาพดีแบบน่าเหลือเชื่อ ขณะเดียวกันพวกเขาก็ผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์หลากหลาย แม้หลายสินค้าก็มีคอนเซ็ปต์หรือจุดประสงค์การใช้งานคล้ายกับแบรนด์ต้นแบบอื่น แต่มาด้วยราคาที่ย่อมเยาว์กว่า ซึ่งพอเป็นแบบนั้น ผู้บริโภคที่มีงบจำกัด จึงยกให้สินค้า Xiaomi เป็นหนึ่งในดวงใจไปอย่างง่ายดาย
.
ที่น่าตั้งคำถามคือ พวกเขาทำอย่างไรที่จะสามารถผลิตสินค้าได้เป็นหมื่นเป็นแสนชนิดแบบที่ทำทุกวันนี้ จากวันก่อตั้งมันก็แค่ 10 ปีนิดๆ และไม่เคยมีใครทำได้แบบพวกเขา ที่ขายตั้งแต่มือถือ อุปกรณ์เทคฯ IoT ไปยันเครื่องใช้ในบ้าน อุปกรณ์เบเกอรี และบัวลอยสำเร็จรูป! แถมยังขายได้ขายดี กระทั่งจากแบรนด์เลียนแบบ กลายเป็นแบรนด์ที่ทั่วโลกไว้วางใจจะซื้อ
.
คำตอบที่พยายามค้นหามาบอกเล่า มีดังนี้
1. จีนคือฐานผลิตราคาถูก ฐานวัตถุดิบและแรงงานโลก ค่าแรงในจีนต่ำ นั่นคือสิ่งที่ทุกคนรู้ แต่ที่น่าสนใจคือราว 5 ปีที่ผ่านมา ตัวรัฐบาลจีนเองก็มีแนวคิดแบบเดียวกับ Xiaomi เช่นกัน ที่จะยกระดับประเทศไม่ให้เป็นแค่ ‘ฐานผลิต’ แต่จะเป็นประเทศ ‘ฐานผลิตและส่งออกสินค้าเทคโนโลยี’ ทำให้รัฐบาลจีนออกนโยบายผลักดัน Made in China ให้ดูน่าเชื่อถือกว่าเดิม ดังนั้นไม่แปลกที่หลายปีที่ผ่านมาเราจะเห็นสินค้าถูกและดีจริงๆ ผลิตจากแบรนด์จีนมากขึ้น
.
2.Ecosystem Companies ข้อนี้น่าจะตอบคำถามได้ชัดที่สุดว่าทำไมผลิตสินค้าได้หลากหลายชนิดขนาดนี้ – จริงๆ แล้ว Xiaomi ผลิตพวกสินค้า IoT เพียงแค่ 1 ใน 4 ที่วางขายเท่านั้น ที่เหลือ Ecosystem Companies เป็นผู้ผลิต พวกเขาคือบริษัทพาร์ทเนอร์ที่รับผลิตสินค้าบนมาตรฐาน Xiaomi และนำสินค้ามาแปะแบรนด์ Xiaomi ก่อนวางขายนั้นเอง ซึ่ง Xiaomi มีบริษัทประเภทนี้หลายร้อยบริษัท มีหลายเจ้าที่มีชื่อจดจำ เช่น Deerma ที่มักผลิตสินค้าไลฟ์สไตล์ใช้ในบ้าน
3.รุกขายอี-คอมเมิร์ซเป็นหลัก หลายคนอาจมีคำถามว่าทำไม Xiaomi ถึงดังไกลทั่วโลกได้ อาจจะต้องย้อนคำตอบกลับไปที่วิธีคิดของ Lei Jun และทีม ที่ปักหมุดเน้นขายสินค้าผ่านออนไลน์เป็นหลักมาตั้งแต่ต้น พวกเขาขายออนไลน์ก่อนมีหน้าร้าน เคาะประตูบ้านทุกคนทั่วโลกผ่านเว็บไซต์ ทำให้แม้กระทั่งตลาดยุโรปที่มีอุปสรรคเป็น Retailer ผู้นำเข้า ก็ไม่ทำให้ Xiaomi หยุดขยายอาณาจักรไปได้ – ทำให้ปัจจุบัน รายได้ Xiaomi กว่าครึ่งมาจากฝั่งยุโรปตะวันตก
– ไปต่อกับตำแหน่งราชาแห่ง IoT –
แน่นอนว่า เส้นทาง Xiaomi ค่อนข้างชัดแล้ว ว่าพวกเขาจะเดินหน้าสู่อะไร คำตอบคือสินค้า ข้าวของเครื่องใช้ ที่สามารถเชื่อมต่อและควบคุมผ่านอินเทอร์เน็ตได้ หรือ IoT (Internet of things) นั่นเอง
.
สองปีก่อนหน้านี้ Lei Jun ก็เคยออกมาประกาศว่า “ผมจะสร้างอาณาจักรสินค้า IoT ขึ้นมา”
.
ซึ่งวันนี้มันก็ดูชัดเจนแล้วจริงๆ ว่า เมื่อนึกถึง IoT ถูกและดี หาซื้อได้ง่าย แบรนด์ Xiaomi ก็จะผุดขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ
.
และจากรายงานไตรมาส 3 ปี ค.ศ.2020 ที่ออกมาล่าสุดจาก Xiaomi ก็โชว์ให้เห็นว่า แม้จะเผชิญกับการระบาดของ COVID-19 แต่การเติบโตของพวกเขาไม่มีแผ่วเลย ด้วยรายได้ 72,200 ล้านหยวน และอัตราที่โตกว่าไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อนหน้าถึง 34.5% ซึ่งอาจจะเป็นอานิสงส์ของการที่คนอยู่บ้านและต้องการสินค้าเทคโนโลยีมาใช้ในบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิต
.
ส่วนสมาร์ทโฟน Mi ก็ทำยอดขายได้เยอะถึงขั้นทำให้ Xiaomi ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตมือถืออันดับที่ 4 ของโลก เมื่อจบปีงบประมาณ 2020 เป็นที่เรียบร้อย
.
ปีนี้ถ้าไม่ผิดพลาดอะไร นอกจากมือถือเรือธงที่หลายคนรอคอยจับจอง เราคงจะได้เห็นสินค้าล้ำๆ รวมไปถึงสินค้างงๆ ฉบับ Xiaomi ออกมาวางขายให้ได้เสียเงินกันอีก แน่นอนว่าต้องในราคาถูก
.
.
.
.