ในช่วงฤดูหนาว อากาศในประเทศนอร์เวย์สามารถดิ่งลงต่ำกว่าเลขตัวเดียวไปจนถึงเลขติดลบได้สบายๆ แม้จะดูเป็นตัวเลขที่โหดร้ายสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ตัวเลขติดลบเหล่านั้นกลับทำให้ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกเฝ้าฝันถึงการเล่นสกีท่ามกลางธรรมชาติอันสวยสดงดงาม ที่เคยเขียวขจีและผลิบานในยามฤดูร้อน กลับขาวสว่างทั่วทุกพื้นที่ในฤดูหนาว ชาวนอร์ดิกเองก็ชื่นชอบที่จะออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านในทุกฤดู เพราะพวกเขาเชื่อว่า “ไม่มีหรอก อากาศที่ไม่ดี มีแต่เสื้ิผ้าที่ไม่เหมาะกับอากาศเท่านั้นแหละ”
ประเทศแถบสแกนดิเนเวียขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพชีวิตราวกับดินแดนยูโทเปีย ที่แม้จะมองจากอีกมุมโลกก็พอรู้ว่าพวกเขาได้ใช้ชีวิตบนคุณภาพแบบไหน ไม่ว่าจะแนวคิดหรือการออกไปใช้ชีวิตจริงของพวกเขา และนอร์เวย์ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง จาก Hygge มาสู่ Friluftsliv (อ่านว่า ฟรี-ลุฟสต์-ไลฟ์) ที่มีความหมายว่า “open-air living” หรือการออกไปใช้ชีวิตข้างนอก หากิจกรรมสนุกๆ ทำ ไม่ว่าข้างนอกนั้นจะเป็นฤดูไหน อากาศเป็นอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะกิจกรรมผาดโผน สกี ไฮก์กิ้ง ไปจนถึงกิจกรรมชิลๆ สำหรับคนรักความสงบ อย่างเดินเล่นกับสัตว์เลี้ยง เก็บผลไม้ นอนเล่นท่ามกลางธรรมชาติ
ด้วยพื้นที่ที่เอื้ออำนวย ธรรมชาติรายล้อม และมลพิษอันน้อยนิด ทำให้ชาวนอร์ดิกชื่นชอบที่จะใช้ชีวิตนอกบ้านกันเป็นปกติ จนมีคลับจำนวนมากสำหรับการรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมนอกบ้านตามความชอบ หรือแม้แต่ในที่ทำงานเองก็สนับสนุนให้พนักงานได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพเช่นกัน ในบางบริษัท ได้กำหนดเวลา 90 นาทีทุกวันพุธให้กับพนักงานนทุกคน เพื่อนำไปทำกิจกรรมข้างนอก โดยไม่บังคับว่าต้องออกกำลังกาย ทำกิจกรรมโลดโผนเท่านั้น กิจกรรมทั่วไปที่ยังคงอิงแอบกับธรรมชาติก็สามารถทำได้เช่นกัน
Friluftsliv ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดลอยๆ ที่บอกเล่าว่าทำแบบนั้นสิ แบบนี้สิ แล้วจะมีความสุข แต่มันคือไลฟ์สไตล์ของพวกเขา ที่ได้ลงมือทำจริงๆ ใช้ชีวิตและมีความสุขกับมันจริงๆ และนี่อาจเป็นคำตอบว่าทำไมนอร์เวย์จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีความสุขที่สุดในโลกปี 2020
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.bbc.com/worklife/article/20171211-friluftsliv-the-nordic-concept-of-getting-outdoors