จะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถนำนโยบายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มาใช้พร้อมๆ กับนโยบายสวัสดิการในโรงเรียน ล่าสุด มีโรงเรียนแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ ที่ตัดสินใจติดแผงโซลาร์เซลล์ ก่อนนำเงินค่าไฟที่ประหยัดลง ไปเพิ่มเป็นเงินเดือนให้แก่ครูในโรงเรียนของพวกเขา
โรงเรียนประจำเมืองเบทส์วิลล์ (Batesville) ในมลรัฐอาร์คันซอ ของสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจติดแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อนำพลังงานแสงอาทิตย์ มาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าใช้ในโรงเรียน ช่วยให้พวกเขาประหยัดค่าไฟได้จำนวนมาก ก่อนที่พวกเขาจะนำเงินดังกล่าว ที่เหลือมากกว่าเดิม ไปเพิ่มเป็นเงินเดือนให้แก่ครูของโรงเรียน ซึ่งมีค่าจ้างจากเดิมที่ไม่สูงมากนัก
ทั้งนี้ จากรายงานของ CBS News ระบุว่า เงินเดือนที่ใช้จ่ายให้แก่ครูทั้งโรงเรียน อยู่ที่ประมาณ 45,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.4 ล้านบาท) ซึ่งเมื่อถูกนำไปแจกจ่ายให้แก่ครูแต่ละคนแล้ว จะออกมาเป็นเงินต่อคนที่ไม่ค่อยสมน้ำสมเนื้อกับงานเท่าไหร่ ตลอดจนทั้งเมืองเบทส์วิลล์เอง ก็มีประชากรอยู่แค่ 10,000 คน อาชีพครูจึงดูไม่ค่อยน่าดึงดูดให้มาทำมากนักในเมืองนี้
จากรายงานค่าใช้จ่ายประจำปีนี้ ของโรงเรียนเบทส์วิลล์ระบุว่า พวกเขาประหยัดเงินค่าไฟต่อปี ลงไปได้กว่า 250,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 7.7 ล้านบาท) จากงบประมาณประจำปีกว่า 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 55.4 ล้านบาท) โดย CBS News ระบุว่า ด้วยค่าไฟที่ลดลงไปเป็นล้านนั้น ทำให้พวกเขาสามารถเพิ่มเงินเดือนให้แก่ครูในโรงเรียนได้กว่า 15,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 462,000 บาท)
ก่อนที่พวกเขาจะเพิ่มเงินเดือนครูในโรงเรียน โครงการติดแผงโซลาร์เซลล์ ในโรงเรียนประจำเมืองเบทส์วิลล์ ถูกริเริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.2017 ด้วยการติดแผงโซลาร์เซลล์จำนวนกว่า 1,500 แผง เพื่อให้ครอบคลุมการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ของโรงเรียนมัธยม ตลอดจนศูนย์การเรียนรู้อีก 5 แห่งในบริเวณเดียวกัน
จากรายงานระบุเพิ่มเติมว่า เมืองเบทส์วิลล์ตั้งอยู่ห่างออกไปจากทางตะวันตก ของโรงงานไฟฟ้าถ่านหิน ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในรัฐอาร์คันซอ เพียงแค่ 27 กิโลเมตร ซึ่งโรงงานไฟฟ้าถ่านหินแห่งนี้เอง ที่เป็นแหล่งพลังงานหลักแห่งเก่าของโรงเรียน ก่อนที่พวกเขาจะหันมาใช้พลังงานทางเลือกจากแสงอาทิตย์
ไมเคิล เฮสเตอร์ (Michael Hester) ผู้อำนวยการโรงเรียนประจำเมืองเบทส์วิลล์ ออกมาให้สัมภาษณ์กับทาง Energy News Network ถึงการที่เขาตัดสินใจให้โรงเรียนของตัวเอง เปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ว่า “ผู้คนต่างรู้ดีว่า พลังงานถ่านหินมีข้อจำกัด เมื่อมันถูกใช้จนหมดลง มันจะเสียรายได้ เสียการจ้างงาน มันเป็นเรื่องน่ากังวลอยู่ไม่น้อย”
อย่างไรก็ดี เฮสเตอร์ ให้สัมภาษณเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่พวกเขามีนโยบายขึ้นเงินเดือนให้แก่ครูในโรงเรียน จากค่าไฟฟ้าที่ถูกลงแล้วนั้น พวกเขาได้รับเรซูเม่ และใบสมัครงาน จากผู้ที่อยากจะมาเป็นครูในโรงเรียนแห่งนี้ มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ในขณะที่ครูประจำโรงเรียนแห่งนี้อย่าง จีนนี่ โรเปกก์ (Jeanne Roepecke) กล่าวว่า พวกเธอไม่คิดว่าทางโรงเรียนจะขึ้นเงินเดือนให้ หลังจากที่พวกเขาประหยัดค่าไฟลง จากการติดแผงโซลาร์เซลล์ “ยังไงพระอาทิตย์ก็ต้องขึ้นอยู่แล้ว ทำไมเราถึงจะไม่ทำเงินจากมันล่ะ” เธอกล่าวเสริม
อ้างอิงจาก
https://energynews.us/2020/10/16/this-arkansas-school-turned-solar-savings-into-better-teacher-pay/
https://futurism.com/the-byte/solar-panels-save-teachers-raise
#Brief #TheMATTER