ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา วันนี้ (17 มีนาคม พ.ศ.2564) ลงมติ ‘ไม่เห็นชอบ’ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อจัดตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แทนฉบับ คสช. ในวาระที่สาม หลังได้รับเสียงเห็นชอบไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส.เลือกตั้ง และ ส.ว.แต่งตั้งทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ (ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2560 มาตรา 256(ุ6)) คืออย่างน้อย 369 เสียง จากทั้งหมด 737 เสียง โดยไม่ต้องไปดูเกณฑ์ขั้นต่ำเสียงจาก ส.ว.แต่งตั้ง และจาก ส.ส.ฝ่ายค้านเลย
โดยผลการลงมติออกมาว่า
เห็นชอบ – 208 เสียง (เป็น ส.ว. 2 เสียง)
ไม่เห็นชอบ – 4 เสียง (เป็น ส.ว. ทั้งหมด)
งดออกเสียง – 94 เสียง (เป็น ส.ว. 84 เสียง)
ไม่ประสงค์ลงคะแนน – 136 เสียง (เป็น ส.ว. 127 เสียง)
การลงมตินี้เกิดขึ้นหลังจากมีการอภิปรายเสนอแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญต่างๆ เป็นเวลา 11 ชั่วโมง หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่เนื้อหากำกวม โดยเฉพาะเรื่องการทำประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าต้องทำเมื่อใด (คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564) ก่อนที่ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ จะเสนอให้เดินหน้าตามระเบียบวาระเดิมต่อไป นำไปสู่การลงมติ
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มต้นลงมติด้วยการขานชื่อ ชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย เปิดไมโครโฟนกล่าวตำหนิบุคคลบางกลุ่มว่า “ผมคงไม่ร่วมสังฆกรรม กับพวกฉ้อฉล ศรีธนญชัย โกหกปลิ้นปล้อน นี่คือสภาโจ๊ก!”
เป็นที่น่าสังเกตว่า ส.ว.แต่งตั้งเกือบทั้งหมดจะลงมติว่า ‘ไม่ประสงค์ลงคะแนน’ และ ‘งดออกเสียง’ จนทำให้มีคะแนนเสียงไม่ถึงเกณฑ์ในที่สุด
อย่างที่ทุกคนรู้กันว่า ส.ว.แต่งตั้ง ที่ คสช.คัดสรรคนเกือบทั้งหมดมากับมือ เป็นฐานทางการเมืองสำคัญในการสืบทอดอำนาจ คสช. โดยจะได้ร่วมโหวตเลือกนายกฯ ไปจนถึงปี พ.ศ.2567 หากยังไม่มีการแก้ไขบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2560