“ความยุติธรรมที่ได้ไม่มีเลย ตั้งแต่พี่ไผ่โดน ม.112 รอบแรก มันไม่มีอะไรที่ตามกระบวนการเลย สิทธิที่เราควรจะได้มันก็ไม่ได้ และนับวันมันก็รุนแรงมากขึ้นในสิ่งที่รัฐกระทำกับเรา ทุกคนรู้ว่ามันผิด แต่เราทำอะไรไม่ได้เลย”
กิจกรรมเดินทะลุฟ้าเดินจากโคราชมาถึงกรุงเทพฯ และได้เปิดฉาก เดินทะลุฟ้า V.2 ที่เดินทางจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มาตั้งหมู่บ้าน ‘ทะลุฟ้า’ ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งแม้ว่า ไผ่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หนึ่งในทีมงานของเดินทะลุฟ้า จะถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ และไม่ได้รับการประกันตัว แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ครอบครัวของไผ่ ก็ยังคงมาร่วมเคลื่อนไหวอยู่
พิณ พร้อมพร บุญภัทรรักษา น้องสาวของไผ่ พูดคุยกับ The MATTER ถึงการต่อสู้ต่อของครอบครัว และการที่พี่ชายถูกจำคุกว่า “เราก็เป็นห่วงในฐานะคนในครอบครัว แต่ในทางกลับกันเรารู้ว่าพี่ไผ่เข้มแข็งมากๆ เขาเป็นห่วงคนข้างนอกมากกว่าว่าเป็นยังไงบ้าง บางทีเรายังอ่อนแอกว่าพี่ไผ่เลย พี่ไผ่ยิ้มตลอด บอกเราว่าสู้ๆ อยากให้เราเดินหน้าต่อไป ให้เคลื่อนต่อไปให้ได้ เราเคารพความเข้มแข็งของเขามาก”
“พี่ไผ่เป็นคนที่มีอุดมการณ์มาก เขาพูดตลอดว่านี่คือเส้นทางที่เขาเลือก เขาจะทุ่มหมดหน้าตักเลย ครอบครัวเราด้วยความที่เข้าใจ ก็เห็นด้วย ไม่มีการห้ามกัน เราสนับสนุนกัน แต่มีความห่วงใยกันตลอด ทุกครั้งที่พี่สู้ เราก็จะคอยเป็นหู เป็นตา ถ้าเห็นอะไรเราก็จะคอยช่วย เรารู้ว่าเขาทำเพื่อสังคม เราภูมิใจในตัวเขามากๆ เลย”
แต่การต่อสู้ของไผ่เอง ก็ไม่ได้มีแค่ตัวไผ่ที่ต้องแลกกับอะไรบางอย่าง แต่พิณบอกว่า ครอบครัวเองก็ต้องแลกเช่นกัน “ไม่ใช่แค่พี่ไผ่ เราก็แลกไปด้วย ครอบครัวเราก็ไม่ได้เลือกทางนี้ทั้งหมด แต่เมื่อพี่ไผ่เลือกแล้ว เราทิ้งกันไม่ได้ เราก็มาสู้ด้วยกัน ด้วยความคิดที่เราค่อนข้างไปทางเดียวกันอยู่แล้ว”
ไผ่เองเป็นคนที่ต่อสู้มาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา และเคยถูกจำคุกมาก่อน ซึ่งเมื่อเราถามถึงสิ่งที่รัฐกระทำกับพี่ชายของเธอตลอดที่ผ่านมา พิณก็มองว่า “ความยุติธรรมที่ได้ไม่มีเลย ตั้งแต่พี่ไผ่โดน ม.112 รอบแรก มันไม่มีอะไรที่ตามกระบวนการเลย สิทธิที่เราควรจะได้มันก็ไม่ได้ และนับวันมันก็รุนแรงมากขึ้นในสิ่งที่รัฐกระทำกับเรา ทุกคนรู้ว่ามันผิด แต่เราทำอะไรไม่ได้เลย
“อย่างรอบล่าสุดที่เขาเอาตัวพี่ไผ่ไป ทนายกำลังทำเรื่องยื่นประกันด้วยซ้ำ ยังไม่มีคำสั่งศาลที่ไม่ให้ประกัน แต่เขาก็พาตัวไปแล้ว เหมือนการลักพาตัว และเขาพยายามปิดกั้นเรา ไม่ให้ไปเยี่ยมพี่ ไม่ให้เรารู้ว่าพี่เราอยู่รถคันไหน เป็นตายร้ายดียังไง การที่เขาปฏิเสธการให้ประกันตัวมันเหมือนจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยแล้ว แต่ครั้งที่ผ่านมา มันจะข้ามกระบวนการเกินไปหรือเปล่า และนับวันมันยิ่งจะรุนแรงมากขึ้น เราคิดว่าทุกคนเห็นว่าความอยุติธรรมเกิดขึ้นแล้ว แต่มันอาจจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็อยากให้สังคมช่วยกันจับตาว่า ครั้งนี้มันขนาดนี้แล้ว ครั้งหน้าเขาจะทำขนาดไหน”
“พี่ไผ่พูดเสมอ ว่าเราเคยเดินทะลุฟ้ามาด้วยกันแล้ว เราสู้ด้วยกันมาตลอด พี่ไผ่ก็เตรียมใจมาประมาณนึง ตอนนี้เขาสู้กับเราไม่ได้ เดินด้วยไม่ได้ ก็สู้ด้วยใจ เขาอยากให้คนข้างนอกสู้ต่อไป ไม่ต้องเป็นห่วง หรือโฟกัสแค่ให้ปล่อยไผ่ออกมา แต่อยากให้ขบวนการเคลื่อนไปเลย ครอบครัวเราก็สู้เต็มที่ พ่อ แม่ มาได้ก็จะมา เราไม่มีหยุด ไม่ท้อแน่นอน พี่ไผ่สู้มาตลอด ทั้งข้างใน และข้างนอก เราเองก็จะสู้เช่นกัน”
ซึ่งสำหรับกิจกรรมตั้งหมู่บ้านทะลุฟ้าครั้งนี้ พิณก็หวังว่า แม้รัฐจะไม่รับฟัง แต่การต่อสู้ก็ต้องเคลื่อนไหวต่อไป “เราหวังว่ามันจะเป็นมูฟเมนต์นึงที่คนในสังคมให้ความสนใจ อย่างพี่น้องบางกลอยเองเขาก็มาตั้งม็อบนานแล้ว ถามว่ารัฐรับฟังไหม เราก็เห็นว่าเขาไม่ค่อยฟัง แต่มันก็ต้องทำ อยากให้เห็นว่าเรามีการเคลื่อนไหว และหวังว่าคนจะมาร่วมเยอะๆ ให้มันมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ เรารู้ว่าการต่อสู้ไม่ได้ง่ายเลย แต่ว่าเราก็หวังว่ามูฟเมนต์นี้จะส่งผลอะไรบางอย่าง เพราะว่าในทุกๆ ครั้ง มันอาจจะไม่ได้ชนะตอบโจทย์ไปเลย แต่ว่ามันคือการชนะไปทีละเล็กทีละน้อยเหมือนกัน”