วัฒนธรรม Cafe Hopping กลายเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเสมอ เห็นได้จากกระแสการท่องเที่ยวและคอนเทนต์ต่างๆ ที่เน้นไลฟ์สไตล์การเที่ยวคาเฟ่มากขึ้น เช่นเดียวกับร้านกาแฟที่เกิดขึ้นมากมาย
.
หากพูดถึง Cafe Hopping แล้ว บางร้านก็เน้นขาย Instagram Spots เพื่อดึงกลุ่มลูกค้าที่รักการเซลฟี่หรือถ่ายรูปสวยเป็นหลัก ในขณะที่บางร้านชูจุดเด่นด้วยเมนูกาแฟเฉพาะตัว เพราะถือว่า Cafe Hopping ก็คือการมาดื่มด่ำทั้งเครื่องดื่มและบรรยากาศที่ดี
.
นี่จึงเป็นโจทย์ท้าทายสำหรับผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจร้านกาแฟที่ต้องตีให้แตก ถึงอย่างนั้น NANA Hunter Coffee Roasters กลับเป็นหนึ่งในคาเฟ่ที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคทั้งสองด้าน ทั้งในแง่ความสวยงามอลังการของร้านและรสชาติกาแฟที่ชงด้วยสูตรเฉพาะตัว จนเป็นที่กล่าวถึงในหมู่ cafe hoppers และคนรักกาแฟที่ต้องไปเยือนและกลับมาทุกครั้ง
.
วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ NANA Hunter Coffee Roasters ที่ไม่เพียงขายเครื่องดื่มและบรรยากาศที่ดี แต่ยังสื่อสารและส่งต่อตัวตนแบรนด์ โดยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านกลิ่นกาแฟ รสชาติ บรรยากาศ ดีไซน์ ที่รวมกันออกมาได้อย่างลงตัว
.
.
.
ไฮไลท์ของร้านคือ ‘โซนคั่วกาแฟ’ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงตัวตน NANA Hunter โซนดังกล่าวจะตั้งอยู่ทางด้านหลังร้าน มีลูกกรงกั้นเขตแนว ภายในโซนนั้นจะมีการคั่วกาแฟด้วย Probat เครื่องคั่วกาแฟเก่าแก่ที่เป็นที่ต้องการของนักคั่วกาแฟทั่วโลก ทำให้ผู้มาเยือนมองเห็นกรรมวิธีคั่วกาแฟได้อย่างชัดเจน
.
หากเดินขึ้นบันไดเวียนไปยังชั้นลอยจะผ่านพื้นที่ที่เรียกว่า “Flavor Collective” ซึ่งเต็มไปด้วยกระสอบเมล็ดกาแฟเรียงรายกันทั้งชั้นบนและชั้นล่าง โซนนี้จัดเป็นโซนเก็บเมล็ด ได้รับการออกแบบให้เป็น Double Space ที่มาของโซนคั่วกาแฟเกิดจากความต้องการนำเสนอว่าคนไทยก็ทำกาแฟได้ดีเทียบเท่าไม่แพ้แบรนด์ดังต่างชาติ ซึ่งนำไปสู่ไอเดียการนำโรงคั่วกาแฟเข้ามาไว้ในร้านกาแฟ สื่อให้เห็นถึงความเป็นต้นตำรับในเรื่องกาแฟแท้ๆ
.
นอกจากนี้ ‘เมล็ดกาแฟ’ ที่ทางร้านเลือกใช้ก็ทำให้เมนูเครื่องดื่มจากแบรนด์ NANA Hunter แตกต่างจากร้านกาแฟและคาเฟ่อื่นๆ โดยทางร้านคัดสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพหลากสายพันธุ์จากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดกาแฟสายพันธุ์เอธิโอเปีย รวันดา โคลัมเบีย บราซิล ปานามา เยเมน เคนย่า และไทย นำมาใช้เป็นส่วนประกอบในการชงกาแฟสูตรไซฟ่อนและดริปหลากหลายเมนู ทำให้ผู้บริโภคได้ทำความรู้จัก “รสชาติ” ของกาแฟมากขึ้น ต่างไปจากที่เคยเน้นดื่มกาแฟรสเข้มเพียงอย่างเดียว
.
.
.
นอกจากกรรมวิธีและวัตถุดิบคุณภาพที่ช่วยปรุงแต่งรสกาแฟให้โดดเด่นแล้ว เรื่องราวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเมนูเครื่องดื่มแต่ละถ้วยก็ยิ่งทำให้ ‘รสชาติ’ กาแฟของ NANA Hunter แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะ World Siphonist หรือเวิร์ล ไซฟ่อน ที่ได้ชื่อว่าเป็นกาแฟแชมป์โลกจากการคว้าที่หนึ่งบนเวทีการแข่งขัน World Siphonist Championship 2018 (WSC 2018) ต้องยอมรับว่านี่อาจเป็นเมนูชูโรงเรียกลูกค้าที่เป็นคอกาแฟตัวจริงให้มาลิ้มลองสักครั้ง เพราะไม่เพียงเป็นการเสพกาแฟไซฟ่อนสูตรแชมป์โลก แต่ยังเป็นการเสพเรื่องราวเบื้องหลังกาแฟถ้วยนี้อีกด้วย
.
จุดกำเนิดของ World Siphonist ใช้เวลาเคี่ยวกรำนานถึง 12 สัปดาห์ กว่าจะกลายมาเป็นกาแฟสูตรแชมป์ที่มีราคาสูงที่สุดในบรรดาเมนูเครื่องดื่มทั้งหมดของทางร้าน
.
กษมา กันบุญ บาริสต้า และเจ้าของรางวัล WSC 2018 เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเริ่มเรียนรู้วิธีชงกาแฟไซฟ่อนจากคนที่ไม่มีความรู้ด้านนี้มาก่อน ใช้เวลาฝึกฝนวันละ 10 กว่ารอบ ตลอดจนเลือกเมล็ดพันธุ์กาแฟสำหรับนำไปใช้ในการแข่งขัน แน่นอนว่าชื่อ ‘กาแฟแชมป์โลก World Siphonist’ คงดึงดูดความสนใจผู้คนไม่น้อย
.
.
#สร้างแลนด์มาร์ค Cafe Hopping ย่านพรานนก
.
เบื้องหลังโรงคั่วกาแฟขนาดใหญ่ที่กลายเป็นหมุดหมายของบรรดา Cafe Hoppers ครั้งหนึ่งเคยเป็นโรงงานขนมปังที่เพิ่งสร้างเสร็จและถูกปล่อยทิ้งร้าง โจทย์หลักของการออกแบบร้านกาแฟแห่งนี้คือเปลี่ยนโกดังเก่า ให้กลายเป็นร้านกาแฟที่สู้กับแบรนด์ร้านต่างชาติให้ได้
.
เพราะ Cafe Hopping อาจเป็นมากกว่าการเสพความสวยงามของร้านที่ต้องรสนิยมหรือรสชาติเครื่องดื่มที่ถูกปาก แต่ยังรวมถึงการดื่มด่ำประสบการณ์ต่างๆ อย่างบรรยากาศร้านหรือความหมายของสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ของคาเฟ่แต่ละแห่ง เหมือนที่ NANA Hunter Coffee Roasters ได้ถ่ายทอดเรื่องราวและตัวตนของแบรนด์ผ่านพื้นที่ เครื่องดื่ม ผู้คน และรายละเอียดการออกแบบทุกอย่างภายในร้านมารวมไว้ด้วยกัน เพื่อให้เหล่าคนรักกาแฟและแสวงหาสิ่งใหม่แวะเวียนและกลับมาที่นี่เสมอ
.
.
.
อ้างอิงข้อมูลจาก
.
content by PIYAWAN CHALOEMCHATWANIT
.