หลังจากที่ องค์กรอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ได้ออกมาเตือนถึงผลข้างเคียงของวัคซีน Johnson&Johnson และถูกระงับการใช้ไปตั้งแต่วันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา ล่าสุดคณะกรรมการควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐฯ (CDC) ได้มีมติให้ใช้วัคซีนชนิดดังกล่าวได้แล้ว แต่ต้องติดฉลากเตือนถึงภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่อาจเกิดขึ้นได้
.
เมื่อวันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2021 คณะกรรมการควบคุมและป้องกันโรคติดต่อได้มีมติ 10 ต่อ 4 เสียงให้ยกเลิกคำแนะนำระงับการใช้วัคซีน Johnson&Johnson แต่ให้เขียนบนฉลากเพิ่มเติมว่า “สตรีที่อายุต่ำกว่า 50 ปี อาจเสี่ยงต่ออาการลิ่มเลือดอุดตัน” ซึ่งทางผู้ผลิตวัคซีนก็ออกมายืนยันว่าจะปฏิบัติตามคำแนะนำ
.
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2021 FDA ได้ออกมาแถลงแนะนำให้มีการชะลอการฉีดวัคซีน Johnson&Johnson ออกไปก่อน เนื่องจากได้รับรายงานว่ามีสตรี 6 รายที่มีอาการเกี่ยวกับลิ่มเลือดหลังจากได้รับวัคซีน ทำให้ทั่วสหรัฐฯ ชะลอการฉีดวัคซีนชนิดดังกล่าวออกไป
.
ทาง CDC ออกมาแถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า พวกเขาพบว่ามีสตรี 15 รายที่มีอาการลิ่มเลือดอุดตันชนิด thrombocytopenia ภายหลังที่ได้รับวัคซีน Johnson&Johnson ดร.Tom Shimabukuro ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีนชนิดดังกล่าว 13 รายเป็นสตรีอายุต่ำกว่า 50 ปี ซึ่งขณะนี้ เสียชีวิตแล้ว 3 ราย อีก 7 รายยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เขากล่าวสรุปต่อว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีน Johnson&Johnson จะแสดงอาการข้างเคียงหลังผ่านการฉีดไปแล้ว 1-2 อาทิตย์
.
ดร.Shimabukuro กล่าวต่อว่าความเสี่ยงของอาการข้างเคียงจากวัคซีนชนิดนี้อยู่ที่ 7 ต่อ 1,000,000 รายสำหรับสตรีที่อายุระหว่าง 18-49 ปี และต่ำกว่าร้อยละ 1 สำหรับสตรีอายุมากกว่า 50 ปี ทั้งนี้ เขากล่าวว่า “ไม่ได้แปลว่าผู้ชายจะไม่ได้รับผลข้างเคียง มันเป็นไปได้ว่าอาจมีบางกรณีที่เราอาจตรวจไม่พบ”
.
ทางด้าน ดร.Sarah Long หนึ่งในคณะกรรมการที่ออกเสียงคัดค้านการกลับมาใช้วัคซีน Johnson&Johnson ได้ให้ความเห็นว่า “คนกลุ่มนี้ต้องได้รับวัคซีนก่อนกลุ่มอื่น เพื่อรักษาชีวิตคนกลุ่มอื่น แต่ไม่ใช่ชีวิตตัวเอง” เธอกล่าวต่อว่า “และฉันคิดว่าหน้าที่ของพวกเราคือการทำให้มั่นใจว่าพวกเขาตระหนักถึงความเสี่ยงตรงนี้”
.
การตัดสินใจครั้งนี้ของคณะกรรมการ CDC จะทำให้สหรัฐฯ สามารถแจกจ่ายวัคซีน Johnson&Johnson อีกกว่า 10 ล้านโดสไปทั่วประเทศต่อไป ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา โจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศว่าสหรัฐฯ ได้ฉีดวัคซีนจำนวน 215 ล้านโดสให้แก่ประชาชนแล้ว ซึ่งถือว่าเร็วกว่ากำหนดถึง 1 เดือน โดยมีผู้ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วราวร้อยละ 26.4 ของประชากร และได้รับ 1 โดสราวร้อยะ 40.5 ของประชากร และผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสคิดเป็นผู้มีอายุมากกว่า 65 ปีร้อยละ 65.6 ของผู้ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสทั้งหมด
.
.
อ้างอิง: