สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในหลายๆ ประเทศกำลังเดินหน้าเข้าสู่ภาวะวิกฤติ รวมถึงประเทศอินเดีย ที่ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อรายวันสูงถึง 3 แสนราย ขณะที่ระบบสาธารณะสุขกำลังล่มสลาย ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาล ออกซิเจนขาดแคลน ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตรายวันพุ่งสูงขึ้น
สาเหตุ ปัญหา และสถานการณ์การแพร่ระบาดในอินเดียจะเป็นอย่างไร The MATTER จะสรุปให้ฟัง
- เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขอินเดียเปิดเผยว่า อินเดียมีผู้ติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 346,786 ราย ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขการติดเชื้อสูงที่สุดในโลก ทำลายสถิติเดิมของประเทศสหรัฐฯ ขณะที่ผู้เสียชีวิตรายวันก็สูงถึง 2,624 คนเช่นกัน ส่งผลให้ขณะนี้ อินเดียกลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดแห่งใหม่ของโลก
-
ตัวเลขผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตที่สูงขึ้น ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าเพราะอะไร อินเดียที่เคยอยู่ในจุดที่สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดได้ดี จึงตกมาอยู่ในสถานการณ์วิกฤติอีกครั้ง ซึ่งหนึ่งในคำตอบของคำถามนี้คือ ความหย่อนยานของมาตรการควบคุม
- ในช่วงต้นเดือนมีนาคม ฮาร์ช วาร์ธาน (Harsh Vardhan) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของอินเดียประกาศว่า ขณะนี้ประเทศอยู่ในตอนจบของเกมการแพร่ระบาด COVID-19 แล้ว หลังอินเดียมีผู้ติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่มีผู้ติดเชื้อสูงถึง 9 หมื่นรายต่อวันในเดือนกันยายน ค.ศ.2020 แต่เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2021 อินเดียมีผู้ป่วยเฉลี่ย 1.1 หมื่นรายเท่านั้น
-
หลังประกาศชัยชนะต่อ COVID-19 มาตรการต่างๆ ในประเทศเริ่มผ่อนคลายลง แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาเตือนว่าอาจจะเกิดการแพร่ระบาดซ้ำสอง และเร่งรัฐบาลออกมาตรการควบคุม COVID-19 อย่างเร่งด่วน เบอร์มา มูเคอร์จี (Bhramar Mukherjee) นักชีวสถิติแห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกนทวีตว่า “อินเดียจำเป็นต้องรีบฉีดวัคซีน ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยมีน้อย” แต่รัฐบาลกลับเลือกเพิกเฉยต่อสัญญาณ และคำเตือนเหล่านี้
- ประชาชนที่ถูกปลดปล่อยจากมาตรการต่างๆ เริ่มออกมาใช้ชีวิตกันตามปกติ ไปชมการแข่งขันคริกเก็ตโดยไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย มีการจัดงานสังสรรค์รวมตัว นเรนทรา โมดี (Narendra Modi) นายกรัฐมนตรีอินเดีย ก็ออกมาเดินสายหาเสียงเลือกตั้ง ทำให้เกิดการรวมตัวของผู้คนจำนวนมาก ขณะที่ประชาชนที่นับถือศาสนาฮินดูก็ร่วมเทศกาลกุมภเมลา ซึ่งเป็นพิธีทางศาสนาของชาวฮินดู ซึ่งมีประชาชนหลายล้านคนลงไปแช่ตัวเพื่อล้างบาปในแม่น้ำคงคา
- ผลลัพธ์ของการการ์ดตก และมาตรการที่หย่อนยานของรัฐบาลเป็นไปตามที่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ไว้ ภายในช่วงสั้นๆ ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในอินเดียกลับมาพุ่งสูงอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่พร้อมของระบบสาธารณสุข และความน่ากังวลใหม่ คือการพบ COVID-19 ชนิดใหม่ ที่มีการ ‘กลายพันธุ์คู่’ (Double Mutant)
- เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์อินเดียพบเชื้อโรค COVID-19 ชนิดใหม่ที่เกิดการกลายพันธุ์คู่ ที่ถูกเรียกว่าสายพันธุ์อินเดีย (B.1.617) โดยเจ้าหน้าที่ศึกษาตัวอย่างจากผู้ติดเชื้อ 10,787 ราย จากประชาชนในอินเดีย 18 รัฐ ก่อนจะพบว่าเชื้อไวรัสเกิดการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง E484Q และ L452R
- ดร.ชาฮิด จามีล (Shahid Jameel) นักไวรัสวิทยา เปิดเผยว่า ไวรัสชนิดใหม่นี้อาจส่งผลให้เกิดการแพร่เชื้อง่ายขึ้น และสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ ขณะที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ระบุว่า B.1.617 อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดที่รวดเร็วมากขึ้น เพราะการกลายพันธุ์ 2 ตำแหน่งเคยพบในไวรัส COVID-19 สายพันธุ์บราซิลและแอฟริกาใต้มาแล้ว นั่นหมายความว่ามันอาจมีความสามารถในรูปแบบเดียวกัน
- นอกจากการกลายพันธุ์ของไวรัสจะเป็นปัจจัยที่น่าจับตามอง อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้อินเดียตกอยู่ในสภาพวิกฤติคือระบบสาธารณสุขที่กำลังล่มสลาย ภาพประชาชนนอนเบียดอยู่ในโรงพยาบาลเพราะเตียงเต็ม ภาพศพจำนวนมากที่รอคิวเผา ปัญหาการขาดแคลนออกซิเจน และเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากอินเดียแพร่กระจายไปทั่วโลกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
- สำนักข่าวบีบีซี เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลชัยปุระ โกลเดน (Jaipur Golden Hospital) ในกรุงนิวเดลี ระบุว่า เมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา มีคนไข้ราวๆ 20 คน เสียชีวิตเพราะขาดออกซิเจน ขณะที่ รัฐบาลอินเดียได้เร่งจัดส่งเวชภัณฑ์ทางการแพทย์กระจายไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ แต่ถึงเช่นนั้นก็ยังไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วยในปัจจุบัน
-
รัฐบาลประกาศว่าจะหาทางยุติการแพร่ระบาดครั้งนี้โดยเร็ว โดยมีการอนุมัติงบประมาณเพิ่ม 610 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเร่งผลิตวัคซีนให้เพียงพอกับคนในประเทศ รวมถึงระงับการส่งออกวัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตโดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (SII) เพื่อเก็บไว้ใช้สำรองในประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลอินเดียยังประกาศว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนเฟส 3 ให้กับประชาชนในวันที่ 1 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ หลังเริ่มฉีดเฟสแรกไปเมื่อกลางเดือนมกราคม ซึ่งขณะนี้ อินเดียมีจำนวนฉีดวัคซีนสะสมแล้วกว่า 130 ล้านโดสทั่วประเทศ
- เป็นเรื่องดีที่รัฐบาลเร่งดำเนินการเพื่อหาทางยุติการแพร่ระบาด แต่ก็ไม่อาจไม่แก้ไข หรือทดแทนความสูญเสียที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน โรหิต ชายชาวอินเดียให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า เขากำลังเตรียมพิธีเผาศพแม่ ที่เสียชีวิตจาก COVID-19 พร้อมกล่าวว่าโรคระบาดนี้พรากความสุขของทุกคนไป
- โรหิตมองว่าการที่ผู้คนทั่วประเทศเสียชีวิตจำนวนมากเป็นความผิดของรัฐบาล ที่หละหลวม ปราศจากมาตรการ และการรับมือกับ COVID-19 ที่ดีพอ ทั้งที่มีช่วงเวลาให้เตรียมรับมือในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเช่นนี้ เขาและประชาชนชาวอินเดียอีกหลายคนจึงออกมาเรียกร้องรัฐบาลแสดงความรับผิดชอบต่อสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น
- ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ในอินเดียเผชิญหน้ากับความหวาดกลัวจากโรคระบาด มีกระแสข่าวว่า มหาเศรษฐีชาวอินเดียบางส่วนกำลังวางแผนเดินทางออกจากประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการระบาด และหนึ่งในจุดหมายปลายทางนั้นคือ ประเทศไทย สร้างความหวาดหวั่นให้คนในประเทศอย่างมาก เพราะขณะนี้ไทยเองก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
- เมื่อเวลาประมาณ 11.30. น. ของวันนี้ (25 เมษายน) ทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ออกมาแถลงถึงกรณีดังกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ไม่มีการเช่าเหมาเครื่องบินลำจากอินเดียมาไทยแต่อย่างใด มีเพียงแผนการรับคนไทยในอินเดียกลับประเทศ ซึ่งนั่นเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่ได้รับตามสมควรเท่านั้น
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/world-asia-india-56771766
https://www.ndtv.com/…/coronavirus-india-live-updates…
https://www.npr.org/…/people-are-talking-about-a-double…
https://www.bbc.com/thai/international-56871720
https://www.voathai.com/…/massive…/5822886.html
https://www.who.int/…/25-03-2021-covax-updates…
https://www.youtube.com/watch?v=kSrdgKzvJvY