ขอบเขตของเสรีภาพทางคำพูด ยังคงเป็นที่ถูกถกเถียงกันอยู่ นี่อาจเป็นอีกกรณีตัวอย่าง ของการพิทักษ์ไว้ซึ่งสิทธิ ในการวิพากษ์วิจารณ์ของปัจเจกบุคคล ล่าสุด หญิงคนหนึ่ง ได้ฟ้องร้องโรงเรียนตัวเอง ต่อศาลสูงสหรัฐฯ เหตุจากการที่เธอถูกไล่ออก จากทีมเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียน เพราะเธอด่าพวกเขา
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ.2017 หลังจากที่ แบรนดี เลวี่ (Brandi Levy) ส่งรูปภาพและข้อความไปถึงเพื่อนทั้ง 250 คน บน Snapchat ส่วนตัว โดยเป็นภาพของเธอ กำลังชูนิ้วกลาง พร้อมข้อความด่าโรงเรียน ทีมซอฟต์บอล ทีมเชียร์ลีดเดอร์ ที่เธอเคยเป็นสมาชิก และทุกๆ สิ่งว่า “F**k” หลังจากที่เธอไม่ได้ถูกคัดเลือก ให้เข้าร่วมเป็นตัวแทนในทีมเชียร์ลีดเดอร์ประจำโรงเรียนมาฮานอยแอเรียไฮย์ (Mahanoy Area High School)
รูปภาพและข้อความด่าดังกล่าว ถูกแคปและนำไปส่งให้แก่นักเรียนอีกคน ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้ฝึกสอน ในทีมเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียน หลังจากนั้น ลีวายถูกไล่ออกจากทีมเชียร์ลีดเดอร์เป็นเวลา 1 ปี ทำให้เรื่องราวของการฟ้องร้องเกิดขึ้นลากยาวมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว
เลวี่ฟ้องโรงเรียนของเธอ โดยกล่าวอ้างว่า การไล่เธอออกจากทีมเชียร์ลีดเดอร์นั้น เป็นการกระทำที่ขัดต่อ บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 ของสหรัฐฯ ที่ว่าด้วยเรื่องสิทธิของการมีเสรีภาพทางคำพูด ซึ่งพิทักษ์สิทธิของปัจเจกบุคคล ในการพูดถึงสิ่งที่ตนเองคิดและเชื่อได้ โดยไม่มีอะไรมาขัดขวางสิทธินี้
นอกจากนี้ เลวี่อ้างเพิ่มเติมว่า ภาพและข้อความดังกล่าว ถูกโพสต์ขึ้นนอกพื้นที่โรงเรียน อีกทั้งยังถูกโพสต์ลงในวันที่ไม่มีการเรียนการสอน โรงเรียนจึงไม่มีอำนาจใดๆ ที่จะสามารถลงโทษเธอ ด้วยการไล่เธอออกจากทีมเชียร์ลีดเดอร์ได้
เรื่องคำฟ้องร้องของเลวี่ เคยถูกส่งมายังศาลอุทธรณ์เมื่อ ค.ศ.2019 โดยศาลในเมืองฟิลาเดลเฟียชี้ว่า คำฟ้องของเธอมีน้ำหนักมากพอ โดยศาลระบุว่า การกระทำของลีวาย ไม่เข้าข่าย “การตีความตามบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 ว่าด้วยเหตุของคำพูดของนักเรียน นอกบริเวณโรงเรียน ที่ส่งความรุนแรง หรือการคุกคามผู้อื่น”
ข้อถกเถียงในคดีนี้ ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ทุกโรงเรียนมีมาตราการในการเรียนออนไลน์ ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 พื้นที่ระหว่างในโรงเรียน และนอกโรงเรียนจึงเกิดความพร่าเลือนมากยิ่งขึ้น ภาพและข้อความด่าของลีวาย ที่กำลังถูกส่งให้ศาลสูงของสหรัฐฯ พิจารณาต่อนั้น อาจส่งผลกระทบต่อนิยามความหมายของพื้นที่ในโรงเรียนในสหรัฐฯ อย่างมาก โดยเฉพาะในยุคที่โซเชียลมีเดีย เป็นมากกว่าแค่แพลตฟอร์มพูดคุยหรือเสพคอนเทนท์เท่านั้น
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER