มีใครคิดถึงบรรยากาศการรวมตัวในงานคอนเสิร์ตบ้างไหม บรรยากาศความสนุกเหล่านี้ คงเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีมาตราการคุมแพร่เชื้อ COVID-19 กรณีตัวอย่างนี้เกิดขึ้นที่สเปน หลังมีการจัดคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ที่มีผู้เข้าร่วมคอนเสิร์ตกว่า 5 พันคน แต่กลับมีผู้ติดเชื้อจากงานวันนั้นเพียงแค่ 6 คน
คอนเสิร์ตของวงร็อกอย่าง Love of Lesbian ที่ถูกจัดขึ้นในบาร์เซโลนา เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมกว่า 5,000 ราย ซึ่งนับได้ว่าเป็นคอนเสิร์ต ที่มีการรวมตัวขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของ COVID-19 มา
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ หลังจากงานคอนเสิร์ตจบลง และมีการตรวจดูอาการของผู้เข้าร่วมทั้ง 5,000 ราย ในระยะเวลา 14 วัน พวกเขาพบว่า มีผู้ติดเชื้อใหม่ จากการไปร่วมคอนเสิร์ตในครั้งนี้ เพียงแค่ 6 คนเท่านั้น “มันไม่มีสัญญาณ ที่บ่งบอกว่า มีการแพร่เชื้อเกิดขึ้นในงานคอนเสิร์ตนั้น” โจเซป มาเรีย ลีเบร (Josep Maria Llibre) ผู้ชำนาญด้านโรคติดต่อให้สัมภาษณ์
ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ย่อมเกิดขึ้นได้ด้วยมาตรการที่เยี่ยมยอด เพราะก่อนที่ทุกคนจะเข้าไปยังคอนเสิร์ต ใน Paula Sant Jordi ในเมืองคาตาลัน ผู้ร่วมงานจะต้องถูกตรวจ COVID-19 ด้วยชุดตรวจแบบ rapid test ทุกคน ทั้งนี้ ทุกคนยังต้องปฏิบัติตามมาตรการ การใส่หน้ากากชนิด FFP2 ที่เป็นที่นิยมในยุโรป คล้าย N95 ของทางฝั่งสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี 6 ผู้ติดเชื้อ หลังร่วมงานคอนเสิร์ตในครั้งนี้ ได้รับการยืนยันว่า มี 4 ราย ที่ถูกสอบสวนโรค แล้วพบความเชื่อมโยงว่าพวกเขาติดเชื้อ COVID-19 มาจากที่อื่น ที่ไม่ใช่ในงานคอนเสิร์ต ส่วนอีก 2 รายยังไม่ได้รับการยืนยันว่าพวกเขาได้รับเชื้อมาจากที่ไหน
วง Love of Lesbian ได้ทวิตข้อความ ขอบคุณผู้จัดงานในวันนั้น ที่มีมาตรการคัดกรองผู้เข้าร่วมงานอย่างเป็นระบบ จนทำให้ไม่มีการแพร่เชื้อเกิดขึ้นว่า “เราหวังว่านับแต่นี้ไป จากผลลัพธ์ที่สุดยอดเหล่านี้ โลกของวัฒนธรรมจะถูกได้ยินได้ฟัง อย่างที่มันสมควรจะเป็น”
จากงานวิจัยการติดเชื้อ ในงานคอนเสิร์ตขนาดยักษ์ครั้งนี้ ลิบราระบุว่า “เราสามารถการันตีพื้นที่ปลอดภัยได้” ด้วยการจัดงานที่มีระบบระเบียบ ทั้งระบบการระบายอากาศ การตรวจคัดกรอง และการสวมหน้ากาก “มันยืนยันได้ว่า คอนเสิร์ตเป็นกิจกรรมที่ปลอดภัย”
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/world-europe-56899764
#Brief #TheMATTER