ช่วงที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อ COVID-19 หลายคนออกมาแชร์ว่า ต้องตรวจหลายต่อหลายครั้งจึงจะพบเชื้อ ขณะที่บางรายบอกตรวจครั้งแรกก็ไม่เจอ นึกว่าตัวเองสบายดี แต่พอรู้อีกที COVID-19 ลงปอดไปแล้ว ซึ่งนี่ถือเป็นปัญหาใหญ่มาก เพราะหนึ่งในวิธีการรักษาโรคนี้ให้ทันเวลาและทันท่วงที ต้องเริ่มที่การเลือกวิธีตรวจที่ถูกต้อง
ศ.ดร.พญ.ณัฏฐิยา หิรัญกาญจน์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัยคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยเล่าถึงวิธีการตรวจ COVID-19 ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ประชาชนที่สงสัยว่าตัวเองเป็น COVID-19 เลือกวิธีที่เหมาะกับอาการของตนเอง เพราะยิ่งตรวจเร็ว รู้ผลเร็วมากเท่าไหร่ ยิ่งหมายถึงเปอร์เซ็นต์ความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น
1. วิธีตรวจแบบ Nasopharyngeal (NP) หรือ Throat Swab + RT-PCR หรือการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อหลังโพรงจมูกหรือคอ เพื่อตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส โดยวิธีนี้ถือเป็นมาตรฐานที่ผ่านการยอมรับจากทั่วโลก คุณหมอณัฏฐิยา เปิดเผยว่าวิธีนี้จะได้ผลประมาณ 4-6 ชั่วโมงหลังตรวจ และให้ผลที่แม่นยำ เหมาะสมสำหรับคนที่สงสัยว่าตัวเองติดเชื้อ COVID-19 แต่ไม่มีอาการ จนถึงคนที่เริ่มมีอาการ 1 สัปดาห์
2. วิธีตรวจ NP Swab + Rapid Antigen Test เป็นวิธีตรวจราคาถูก และใช้เวลาตรวจรวดเร็ว เนื่องจากไม่ต้องสกัด RNA ใช้วิธีตรวจโปรตีนจากเชื้อโดยตรง แต่วิธีนี้มีข้อจำกัดคือ เหมาะกับคนที่มีอาการอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากตรวจแบบ Rapid Test จะได้ผลแม่นยำ ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยมีจำนวนเชื้อในร่างกายมาก หรือค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นผู้ติดเชื้อ COVID-19
แต่หากได้ผลตรวจเป็นลบ หรือไม่ติดเชื้อ ก็ควรตรวจหาเชื้อยืนยันด้วยวิธี RT-PCR เพิ่มเติม เพราะอาจจะเกิดจากมีไวรัสน้อยกว่าความไวของ Rapid Antigen Test หรือในบางกรณีอาจจะมีปริมาณไวรัสมาก แต่มีการแทรกซ้อน ทำให้ผลตรวจออกมาเป็นลบ
3. วิธีตรวจ NP swab + Rapid Nucleic Acid Tests ในแบบอื่นๆ เช่น LAMP (เทคนิคที่อาศัยหลักการของการเพิ่มขยายจำนวนของสารพันธุกรรม ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับการตรวจวัณโรค) หรือ RPA (เทคโนโลยีตรวจวัดการเพิ่มขึ้นของ Nucleic Acid) จากนั้นตรวจต่อด้วยเทคนิค CRISPR Assay
คุณหมอณัฏฐิยา ระบุว่า วิธีตรวจในข้อ 3 เป็นวิธีที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง RT-PCR (ข้อ 1) และ Rapid Antigen Test (ข้อ 2) สำหรับรายละเอียดต่างๆ ขอสรุปเป็นข้อดังนี้
– Rapid Nucleic Acid Tests(ข้อ 3) ใช้เทคนิคสกัด RNA จึงมีความแม่นยำกว่าการตรวจด้วย Rapid Antigen Test (ข้อ 2)
– การตรวจด้วย Rapid Nucleic Acid Tests (ข้อ 3) ไม่รวดเร็วเท่า Rapid Antigen Test (ข้อ 2) แต่ก็เร็วกว่า RT-PCR (ข้อ 1) และสามารถทำได้ใน แล็บเล็กๆ ที่ไม่มีเครื่อง Real Time RT-PCR
– การตรวจด้วย Rapid Nucleic Acid Tests (ข้อ 3) มีราคาแพงกว่า Rapid Antigen Test (ข้อ 2)
คุณหมอณัฏฐิยา ระบุว่า ปัจจุบันประเทศของเรายังไม่มีการออกแบบแผนที่ชัดเจนว่า อาการแบบไหน ควรเข้ารับการตรวจในลักษณะใด ดังนั้นการตรวจในแบบที่ 3 เหมาะกับผู้ตรวจที่มีความเสี่ยง และต้องการทราบผลตรวจโดยเร็ว ถ้าผลตรวจออกมาเป็นบวก (ติดเชื้อ) ก็จะสามารถแยกผู้ป่วยออกมาได้ทันการ และหากผลออกมาเป็นลบ (ไม่พบเชื้อ) ก็ควรตรวจหาเชื้อยืนยันด้วยวิธี RT-PCR เพิ่มเติมเช่นเดียวกับการตรวจแบบ Rapid Antigen Test
4. การตรวจด้วย Antibody หรือตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อในเลือด ทำได้ง่ายโดยการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว ไม่ต้อง Swab หากตรวจอย่างละเอียดสามารถบอกชนิดและปริมาณ Antibody ในร่างกายได้ด้วย เหมาะกับการตรวจในกลุ่มประชาชนเฝ้าระวัง (Surveillance) เพื่อหาอัตราการติดเชื้อของประชากร (Infection Rate) และเหมาะกับผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงการตรวจจมูก
ทั้งนี้ คุณหมอณัฏฐิยา ระบุว่า การตรวจด้วยวิธีนี้มีข้อจำกัด เนื่องจากการสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายต้องใช้เวลาสร้างหลังติดเชื้อ ดังนั้นไม่สามารถตรวจพบในระยะเวลารวดเร็วหลังได้รับเชื้อเหมือนการตรวจเลือดเพื่อหา HIV หรือ Hepatitis เพราะเชื้อเหล่านั้นพบในเลือด ตรวจเชื้อในเลือดได้ แต่เชื้อไวรัสโคโรน่าไม่ได้อยู่ในเลือด จึงต้องตรวจหาเชื้อในจมูกเป็นหลัก
ทั้งนี้ หากมีการตรวจ Antibody แล้วผลออกมาเป็นบวก ก็อาจจะช่วยแยกผู้ป่วยได้เร็วขึ้น แต่ถ้าผลเป็นลบ ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าไม่ติดเชื้อจริงๆ ดังนั้นคุณหมอณัฏฐิยาแนะนำให้ตรวจด้วย RT-PCR เป็นหลัก จะให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำกว่า
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา มีรายงานว่าคนไข้ COVID-19 บางราย มีระดับ Antibody ในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังได้รับเชื้อ ดังนั้นจึงมีผู้เสนอว่า ให้เอาการตรวจแบบ Antibody ในเลือด มาใช้เสริมในการวินิจฉัยก็อาจจะมีประโยชน์ได้ ในกรณีนำมาใช้ตรวจคู่กัน (ระหว่างรอผล PCR)
เนื่องด้วยปัจจุบัน ประเทศเรายังจำกัดสิทธิ์ตรวจเชื้อฟรีเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ส่วนการตรวจด้วยตัวเองก็มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก ดังนั้นการตรวจแต่ละครั้งต้องเลือกให้ดี และมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและแม่นยำ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อตัวเอง และสังคมในอนาคต
อ้างอิงจาก
https://bioentist.com/blog/17135/
http://nih.dmsc.moph.go.th/…/covid/covid_lab16102020.pdf
http://www.tcels.or.th/…/tcels_aw32_a4_07_04-(1).pdf…
#Brief #TheMATTER