แผนการไปเที่ยวต่างประเทศของใครหลายคน อาจจะต้องพับลงเอาไว้ชั่วคราว เพราะในหลายประเทศมีมาตรการ ห้ามนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ แต่เหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นกับอิสราเอลแล้ว เพราะล่าสุด พวกเขาเพิ่งปรับมาตรการเปิดพรมแดนให้นักท่องเที่ยวจาก 20 ชาติ สามารถเดินทางเข้ามายังอิสราเอลได้แล้ว
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (23 พฤษภาคม) เป็นวันแรกที่อิสราเอล เปิดพรมแดนของตนเอง เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ จำนวน 20 ประเทศ เช่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และเยอรมนี หลังจากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศมีท่าทีที่ดีขึ้น ตลอดจนการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี กระทรวงการท่องเที่ยวของอิสราเอลคาดว่า พวกเขาจะเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามายังประเทศ ในช่วงวันที่ 15 มิถุนายน ที่จะถึงนี้เป็นต้นไป โดยจะเป็นนักท่องเที่ยวจาก 20 ประเทศ ซึ่งจะสามารถเดินทางเข้ามาได้ 20 กลุ่ม กลุ่มละ 5-30 คน โดยทางการจะเลือกกลุ่มนักท่องเที่ยวสำรองไว้อีก 20 กลุ่ม ถ้าหากบางกลุ่มจาก 20 กลุ่มแรก ไม่ผ่านเงื่อนไขในการเข้าประเทศ อาทิ นักท่องเที่ยวจะต้องผ่านการตรวจแบบ PCR และไม่พบเชื้อ
ทางการอิสราเอลกล่าวว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวกลุ่มเล็กๆ นี้ จะสามารถทำให้พวกเขาจับตา และควบคุมการแพร่เชื้อของ COVID-19 ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เชื้อที่มีการกลายพันธุ์ โดยแผนการของพวกเขาคือจะเริ่มเพิ่มนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มในเดือนมิถุนายน ก่อนจะจัดให้มีการท่องเที่ยวแบบคนเดียว ที่จะเริ่มในช่วงกรกฎาคมที่จะถึงนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศ
เมื่อ ค.ศ.2019 อิสราเอลมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือน เป็นจำนวนกว่า 4.55 ล้านคน โดนคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 2.3 หมื่นล้านเชเกล (ประมาณ 2.2 แสนล้านบาท) ซึ่งเม็ดเงินเหล่านี้ ไหลเวียนเข้าสู่ระบบ ตั้งแต่ระดับประเทศ ไปจนถึงธุรกิจขนาดเล็กในท้องถิ่น
ปัจจุบันนี้ อิสราเอลมีอัตราการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนครบโดสไปแล้วกว่า 55 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ในขณะที่ตัวเลขการติดเชื้อ COVID-19 ภายในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ที่เพิ่งบรรลุข้อตกลงหยุดยิงไป ทางการอิสราเอลจึงติดสินใจเปิดพรมแดนอีกครั้ง ทำให้อิสราเอลเป็นอีกหนึ่งในไม่กี่ประเทศ ที่เข้าใกล้กับภาวะปกติมากยิ่งขึ้น
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER