ไต้หวันเป็นหนึ่งประเทศตัวอย่างของโลก ที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการเป็นประเทศ ที่แทบไม่มีการติดต่อของโรคเลยกว่า 18 เดือน แต่ล่าสุด พวกเขากำลังเผชิญกับการระบาดใหญ่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา นำมาซึ่งคำถามที่ว่า อะไรทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับสถานการณ์ในปัจจุบันนี้
หากย้อนไปเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ.2019 ตั้งแต่วันที่มีรายงานการพบเชื้อไวรัสปริศนา ในอู่ฮั่นของจีน ไต้หวันเริ่มคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศ จากจีนทันทีในวันที่ 2 มกราคม ค.ศ.2019 ก่อนที่องค์การอนามัยโลก (WHO) จะยืนยันว่า โรคดังกล่าวถ่ายทอดจากคนสู่คนได้เสียอีก หลังจากนั้นไม่นาน ไต้หวันตัดสินใจปิดประเทศ และควบคุมการเดินทางเข้าออกอย่างเคร่งครัดโดยทันที
ถึงจะคุมมาได้ตลอดปี แต่การแพร่ระบาดในครั้งนี้ ถูกสันนิษฐานว่า มันอาจเริ่มมากจากลูกเรือเครื่องบินบรรทุกสินค้า ที่เข้ากักตัวร่วมตึกกันระหว่างผู้พักอาศัยที่เป็นแขกธรรมดา กับผู้กักตัว 14 วัน รวมถึงการลดมาตรการกักตัวของลูกเรือจาก 5 วันเหลือ 3 วัน ทำให้เชื้อเริ่มแพร่กระจาย
มาตรการที่ผ่อนคลาย นำมาซึ่งเชื้อที่ส่งต่อไปยังสองสถานที่ ได้แก่ โรงน้ำชาในย่านโคมแดง ของเขตว่านหัว ในเมืองไทเป และสโมสรไลออนส์สากล (Lions Club International) ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อสาธารณประโยชน์ ที่ได้มีการจัดงานรวมตัวของคนจำนวนมาก จนกลายเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ของไต้หวัน นำมาสู่การแพร่ระบาดครั้งใหญ่ในครั้งนี้
ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา Time รายงานว่า ประชาชนในไต้หวันเริ่มการ์ดตกลง หลังจากที่ไม่มีการติดเชื้อในประเทศ ผู้คนกลับมารวมตัวในงานต่างๆ นับพันคน ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต การแข่งขันเบสบอล และกิจกรรมทางศาสนา หน้ากากอนามัยกลายเป็นของบางตา ที่คนไม่ค่อยได้ใส่กัน อย่างไรก็ดี เชื้อที่แพร่ระบาดในตอนนี้ในไต้หวันส่วนใหญ่ คือ สายพันธุ์อังกฤษ B.1.1.7.
ผู้ติดเชื้อจากโรงน้ำชาส่วนใหญ่ เป็นผู้สูงอายุ และวัยกลางคน ที่มานั่งสมาคมกันเพื่อดื่มน้ำชา กันเป็นกิจวัตรตามปกติ อย่างไรก็ดี มีรายงานการติดเชื้อจากบริเวณสถานที่ขายบริการ ของผู้ขายบริการที่เดินทางเข้าไต้หวันอย่างผิดกฎหมายด้วยเช่นกัน เชื้อจึงแพร่กระจายปะปนกันทั้งในผู้เที่ยวบริการกลางคืน และผู้นั่งดื่มน้ำชาทั่วไป
การฉีดวัคซีนในไต้หวัน ยังไม่คืบหน้าไปมากนัก ไต้หวันได้รับวัคซีนจาก AstraZeneca ตั้งแต่ช่วงการระบาดในครั้งนี้ มีประชากรของไต้หวันเพียงแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ ที่ได้รับวัคซีนแล้ว ทั้งนี้ ด้วยสถานการณ์ก่อนหน้า ที่ไม่มีการติดเชื้อเป็นวงกว้าง ทำให้ประชาชนในไต้หวันไม่ได้เห็นว่า การฉีดวัคซีนเป็นเรื่องเร่งด่วนมากนัก ทั้งนี้ รัฐบาลไต้หวันได้สั่งจองวัคซีน จากหลายแหล่งแล้วรวม 20 ล้านโดส เพื่อเตรียมที่จะนำมาฉีดให้แก่ประชาชนของตัวเอง
ไต้หวันต้องพึ่งพาการจัดหาวัคซีนด้วยตัวเอง ในขณะที่ไต้หวันก็ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ และโครงการ COVAX ด้วย ทั้งนี้ มีรายงานพบว่า จีนไม่ยอมส่งวัคซีนให้แก่ไต้หวัน เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมือง และนโยบายจีนเดียวของแผ่นดินใหญ่ ที่มองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน โดยเฉพาะวัคซีนของ Pfizer ที่ทาง BioNTech ได้ทำสัญญากับแผ่นดินใหญ่
อย่างไรก็ดี Fosun Pharmaceutical Group ของจีนกล่าวว่า พวกเขาพร้อมส่งวัคซีนของ Pfizer ให้แก่ไต้หวัน ในขณะที่ไต้หวันมองว่า พวกเขาต้องการจะเจรจากับทาง BioNTecH โดยตรง ทั้งนี้ ไต้หวันกล่าวหาว่าจีนเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ไต้หวันไม่สามารถตกลงจัดซื้อวัคซีนของ Pfizer ได้ ในขณะที่จีนกล่าวหาไต้หวันกลับว่า ไต้หวันกีดกันวัคซีน Pfizer จากแผ่นดินใหญ่เอง ทั้งนี้ นอกจากการสั่งซื้อวัคซีนจากบริษัทต่างๆ แล้ว ไต้หวันยังมีการผลิตวัคซีนในประเทศเองอยู่ 2 บริษัท โดยยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองระยะที่ 2
แต่ถึงแม้ว่าไต้หวัน จะกำลังเผชิญหน้ากับการระบาดในระลอกนี้ รัฐบาลไต้หวันได้ออกมาตรการ เปิดจุดตรวจคัดกรองหาเชื้อ COVID-19 ห้ามการรวมตัวของคนจำนวนมาก ออกมาตรการการใส่หน้ากาก ปิดโรงเรียน และขอให้ประชาชนอยู่ในบ้านโดยทันที เพื่อหวังว่าจะคุมสถานการณ์การแพร่ะระบาด พร้อมกันกับการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนได้ เรายังคงต้องติดตามต่อไปว่า ไต้หวันจะสามารถจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศอย่างไรต่อไป โดยปัจจุบันนี้ ไต้หวันมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ประมาณ 4,300 ราย และเสียชีวิต 23 ราย
อ้างอิงจาก
https://time.com/collection/finding-hope-coronavirus-pandemic/5820596/taiwan-coronavirus-lessons/
https://www.taiwannews.com.tw/en/news/4201355
#Explainer #TheMATTER