ปีที่ผ่านมา Goldman Sachs ธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐฯ และระดับโลก ได้พูดถึงคริปโตเคอเรนซี่ว่าเป็นการลงทุนที่ไม่แนะนำเท่าไหร่นัก แต่ล่าสุด Goldman Sachs ได้ตีพิมพ์รายงานชื่อว่า ‘Crypto, a new asset class’ โดยยอมรับว่าคริปโตเคอเรนซี่เป็นสินทรัพย์ใหม่ในการลงทุน ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อระบบนิเวศของการลงทุนในตลาดคริปโตฯ
รายงานดังกล่าวให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลที่ส่งผลต่อระบบนิเวศการเงินระยะยาว โดยอธิบายประโยชน์และจุดเด่นของคริปโตเคอเรนซี่ไว้ และรวบรวมความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนหลายคน ไม่ว่าจะเป็น Michael Nogoratz ซีอีโอแห่ง Galaxy Digital, Zach Pandl แห่ง Global FX, Michael Gronager แห่ง Chainlaysis และอีกมากมาย
แต่รายงานนี้ก็ยังไม่ได้เผยแพร่ออกสู่สาธารณชน จะมีเฉพาะนักเศรษฐศาสตร์รายใหญ่และสมาชิกของ Goldman Sachs ที่เข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ ถึงอย่างนั้น ก็ได้มีข้อมูลบางส่วนที่ถูกแชร์ออกไปในสื่อโซเชียลของนักคิดด้านการลงทุนบ้างแล้ว
ประเด็นเกี่ยวกับตลาดคริปโตฯ ที่รายงานกล่าวถึงนั้น สรุปสาระสำคัญบางส่วนออกมาได้ ดังนี้
บรรดาผู้เชี่ยวชาญการลงทุนได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมูลค่าของบิตคอยน์ หนึ่งในนั้นคือ Michael Sonnesheim ซีอีโอแห่ง Greyscale Investment ได้กล่าวเกี่ยวกับปรากฏการณ์บิตคอยน์ที่เกิดขึ้นไว้อย่างน่าสนใจ โดยเขาอธิบายว่า คริปโตเคอเรนซี่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้ราคาดิ่งลง ถึงอย่างนั้น ราคาก็ดีดกลับขึ้นมาได้ดีเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่น สิ่งนี้เองที่ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าบิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ เป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนและมีความยืดหยุ่นสูง
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังนำเสนอกราฟราคาบิตคอยน์ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.2017-2021 ซึ่งแสดงให้เห็นราคาที่มีแนวโน้มขาขึ้นเหมือนกับช่วงปี ค.ศ.2013-2016 แม้ว่าเส้นกราฟราคาบิตคอยน์จะดิ่งลงในปี 2013 เพราะเจอเหตุการณ์ปิดเส้นทางสายไหมเมื่อเดือนตุลาคมของปีนั้น แต่หลังจากนั้นราคาบิทคอยน์ก็พุ่งขึ้นกลับมาได้ ที่สำคัญ รายงานได้ระบุว่า Goldman Sachs ยอมรับสกุลเงินบิตคอยน์ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าคริปโตฯ ถูกยกให้เป็นสินทรัพย์สำหรับการลงทุนอย่างหนึ่งแล้ว
Alex Kruger ผู้ก่อตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์ Aike Capital ได้แชร์ข้อมูลในรายงานบางส่วนและภาพกราฟเทียบราคาบิทคอยน์ลงในทวิตเตอร์ของตัวเอง พร้อมแสดงความคิดเห็นว่า หากเขาไม่ใช่นักลงทุนตลาดคริปโตฯ สิ่งแรกที่จะทำหลังจากอ่านรายงานฉบับนี้คือสำรวจชาร์ตและคิดว่านี่คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะเริ่มเทรด
เมื่อพูดถึงกราฟแสดงราคาบิทคอยน์แล้ว Kruger เห็นว่านี่ยิ่งขยายโอกาสให้การลงทุนในตลาดคริปโตฯ เติบโตมากขึ้นเพราะทำให้ผู้ที่สนใจและเชื่อในการเกิดคลื่นวัฎจักรของตลาดลงทุนรู้สึกเชื่อมั่นที่จะลงทุนกับสินทรัพย์ดังกล่าว
#อีเธอเรียมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
หากว่ากันในแง่ของการเก็บรักษามูลค่า (Store of Value) แล้วนั้น อีเธอเรียมถือว่าโดดเด่นกว่าบิตคอยน์ เพราะมีคุณสมบัติรองรับ smart contract โดยเฉพาะ ทำให้เกิดการสร้างแอพพลิเคชันใหม่ๆ บนอีเธอเรียมได้เสมอ ซึ่งรวมไปถึงแอพพลิเคชันอย่าง DeFi ด้วย หรือแม้แต่ซื้อขายโทเคนและ NFT ก็ใช้อีเธอเรียมเป็นหลัก ในอนาคตหากมีการทำธุรกรรมหรือใช้สกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น อีเธอเรียมจะกลายเป็นแพลตฟอร์มที่รองรับการทำธุรกรรมดังกล่าวได้
หากมองในแง่การก้าวขึ้นสู่ตลาดขนาดใหญ่ก็ถือว่ามีศักยภาพมากทีเดียว เพราะอีเธอเรียมเป็นแพลตฟอร์มใช้จัดเก็บข้อมูลแบบกระจายอำนาจ มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย ซึ่งถือว่าเป็นแพลตฟอร์มเก็บข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ ถ้าจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้เป็นโทเคนสำหรับซื้อขายก็ทำได้ แถมยังใช้ทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ได้ทั่วโลก
นอกจากนี้ ในรายงานยังกล่าวถึงประโยชน์ของสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ เช่น XRP, BNB, Polkadot เป็นต้น ที่สำคัญ รายงานฉบับนี้ได้แสดงให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนมุมมองความคิดเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดคริปโตฯ เดิมที Goldman Sachs ไม่ได้นับคริปโตเคอเรนซี่ให้เป็นสินทรัพย์ในการลงทุน เพราะเห็นว่าสร้างกระแสเงินสดไม่ได้ นำมาใช้ในยุคที่เศรษฐกิจมีปัญหาไม่ได้ เก็งกำไรไม่ได้ แถมความผันผวนก็มีมาก จึงไม่แนะนำให้ลูกค้าของสถาบันฯ ลงทุน แต่เมื่อเห็นว่าคริปโตฯ พุ่งขึ้นมาเกือบถึง 600% ก็ทำให้ต้องกลับมาทบทวนความคิดเดิมอีกครั้งจนได้ออกมาเป็นรายงานฉบับนี้นั่นเอง
แต่การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ผู้ลงทุนควรหาข้อมูลพิจารณาก่อนการตัดสินใจทุกครั้งนะ
อ้างอิงจาก
https://twitter.com/krugermacro/status/1395884451549356037…
https://cryptopotato.com/goldman-sachs-crypto-new-asset-c…/…
https://web.facebook.com/InsomPoramin/posts/337376394471832
Content by Piyawan Chaloemchatwanit