เกิดเป็นกระแสตื่นตระหนกในวงกว้าง หลังหน่วยงานสาธารณสุขอังกฤษ (Public Health England) เปิดเผยว่า พบการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ C.36.3 หรือรู้จักกันในชื่อ COVID-19 สายพันธุ์ไทย ซึ่งขณะนี้ได้มีการจัด COVID-19 สายพันธุ์ดังกล่าวไว้ในกลุ่มสายพันธุ์ที่อยู่ระหว่างการสอบสวน เพื่อรอตรวจสอบรายละเอียดต่อไป
สำนักงานสาธารณสุขของอังกฤษ เปิดเผยว่า ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวแล้ว 109 ราย พร้อมระบุว่า COVID-19 สายพันธุ์ C.36.3 พบครั้งแรกที่ประเทศไทย โดยพบในชายชาวอียิปต์ ที่เดินทางมาจากประเทศอียิปต์ และได้เข้าสู่สถานกักกันโรค ก่อนจะมีการตรวจหาเชื้อวันที่ 26 มกราคม และมีการยืนยันผลตรวจว่าพบเชื้อในวันที่ 31 มกราคม
หลังจากนั้น ได้มีการส่งตัวอย่างเชื้อไปวิเคราะห์เพื่อถอดรหัสพันธุกรรม และชายชาวอียิปต์ติดเชื้อสายพันธุ์ B1.1.1 ไทยจึงได้รายงานข้อมูลเข้าไปยังฐานข้อมูล GISAID ซึ่งเป็นที่เก็บข้อมูลสารพันธุกรรม และไวรัสต่างๆ ทั่วโลก หลังจากนั้นได้มีการเปลี่ยนชื่อสายพันธุ์เป็น B1.1.1.36 และเปลี่ยนเป็น C.36 ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น C.36.3 หลังยืนยันว่าพบการกลายพันธุ์
ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ ศิริราช ระบุว่า เมื่อดูประวัติการเดินทางของผู้ติดเชื้อสามารถคาดการณ์ได้ว่าสายพันธุ์ C.36.3 อาจมีต้นกำเนิดมาจากประเทศอียิปต์ หรือประเทศอื่นๆ ในแถบนั้น จากนั้นผู้ติดเชื้อคนดังกล่าวได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทย ก่อนถูกตรวจพบตามช่องทางปกติ และได้ส่งตัวไปยังสถานกักกันโรค
จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า เพราะเหตุใดจึงมีการเรียก COVID-19 สายพันธุ์ C.36.3 ว่าสายพันธุ์ไทย เพียงเพราะเป็นประเทศปลายทางที่มีการตรวจพบเชื้อ
ซึ่ง นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ออกมาอธิบายว่า เป็นการเรียกชื่อตามตารางสายพันธุ์ไวรัสที่ระบุไว้ว่า Thailand ex Egypt ซึ่งผู้ที่ติดเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์ C.36.3 เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอียิปต์ แต่มาตรวจพบที่ประเทศไทย และประเทศไทยเป็นผู้รายงานข้อมูลสายพันธุ์นี้ในฐานข้อมูล GISAID ที่เก็บข้อมูลสารพันธุกรรม และไวรัสต่างๆ ก่อน จึงมีการตั้งชื่อตามประเทศที่รายงาน
อย่างไรก็ตาม นพ.ศุภกิจ ระบุว่า การตั้งชื่อดังกล่าวไม่ถูกต้อง ควรเรียกชื่อตามต้นตอของโรค ไม่ใช่ประเทศปลายทาง ดังเช่นก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นตรวจพบการแพร่ระบาดของสายพันธุ์บราซิล ซึ่งตามตารางสายพันธุ์ไวรัสก็มีการระบุว่าเป็นสายพันธุ์ Japan ex Brazil แต่ท้ายที่สุดก็เรียกตามชื่อประเทศต้นต่อ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ยังเปิดเผยว่า ตามรายงานจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ระบุว่า ขณะนี้ ยังไม่มีการตรวจพบ COVID-19 สายพันธุ์ไทยอย่างที่เป็นข่าวไป ขณะที่ ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษา ศบค. ระบุว่า การตรวจสอบการกลายพันธุ์ต้องผ่านการยืนยันมากกว่า 1 แล็บ จึงคาดว่า ข่าวที่ออกมาขณะนี้ เป็นเพียงข้อสงสัยจากอังกฤษเท่านั้น และยืนยันว่า ไม่มีการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ดังกล่าวแต่อย่างใด
สำหรับ COVID-19 สายพันธุ์ C.36.3 ขณะนี้ ตรวจพบใน 33 ประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตาม หน่วยงานสาธารณสุขอังกฤษ ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าสายพันธุ์ดังกล่าวจะรุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่น และวัคซีนไฟเซอร์, โมเดอร์นา รวมถึงแอสตร้าเซนเนก้า ยังมีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวได้
ขณะที่ นพ.มานพ ตั้งข้อสังเกตว่า สายพันธุ์ C.36.3 มีตำแหน่งการกลายบนบนโปรตีนหนาม (Spike Proteins) ที่สำคัญคือ L452R ซึ่งพบในสายพันธุ์แคลิฟอร์เนีย และสายพันธุ์อินเดีย ซึ่งตามข้อมูลระบุว่า การกลายพันธุ์ในตำแหน่ง L452R อาจส่งผลให้เกิดการแพร่เชื้อง่ายขึ้น และอาจดื้อต่อแอนติบอดี แต่ไม่มากเท่าสายพันธุ์แอฟริกา อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น สิ่งสำคัญคือ COVID-19 สายพันธุ์ C.36.3 ยังไม่ถูกพบระบาดในประเทศไทย และต้องระวังไม่ให้เกิดการระบาดหลังจากนี้
อ้างอิงจาก
https://assets.publishing.service.gov.uk/…/Variants_of…
https://www.independent.co.uk/…/coronavirus-news-live…
https://web.facebook.com/photo?fbid=10160967251378448&set=a.10150266694143448
https://www.pptvhd36.com/…/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0…/148376
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/940567
https://www.bbc.com/thai/57275490?at_campaign=64…