ไม่ใช่ว่าทุกประเทศจะเข้าถึงวัคซีน ที่ถูกผลิตด้วยเทคโนโลยีแบบใหม่ได้ จนมันนำมาสู่การตั้งคำถามต่อเรื่องความเท่าเทียมทางวัคซีน แต่ล่าสุด บริษัทหนึ่งในเยอรมนี กำลังทดลองวัคซีน mRNA ในราคาที่ถูกกว่า เพื่อหวังช่วยประเทศยากจนเข้าถึงวัคซีนได้หลากหลายขึ้น
บริษัท CureVac ในเยอรมนี ออกแถลงว่า พวกเขาได้ผ่านการวิเคราะห์แรกก่อนการวิจัยสิ้นสุด ในวัคซีนเทคโนโลยี mRNA ของพวกเขาแล้ว โดยมันจะมีราคาที่ถูกกว่าวัคซีนในเทคโนโลยีเดียวกัน อย่างวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
CureVac ระบุว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและความปลอดภัยในการวิจัย (DSMB) ไม่พบว่าวัคซีนของพวกเขา มีข้อผิดพลาดอะไรที่จะส่งผลต่อความปลอดภัย อย่างไรก็ดี พวกเขายังไม่ได้เปิดเผยประสิทธิผลวัคซีนตัวใหม่นี้ ว่ามันสามารถป้องกัน COVID-19 ได้มากน้อยแค่ไหน
ปัจจุบัน CureVac กำลังทดลองและเก็บข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อหาการวิเคราะห์เชิงสถิติ จากการใช้วัคซีนตัวใหม่ ทั้งนี้ วัคซีนของพวกเขาถูกพัฒนาด้วยเทคโนโลยี mRNA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะทำให้เซลล์ไปกำกับการผลิตหนามโปรตีนของไวรัส โดยมันจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้ผลิตภูมิคุ้มกันออกมาป้องกันเชื้อไวรัส ที่เข้าสู่ร่างกายมนุษย์
วัคซีนของ CureVac อาจจะมีราคาที่ถูกกว่า เนื่องจากมันสามารถถูกเก็บรักษาในช่องแช่เย็น ที่อุณภูมิ 5 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 เดือน และมันสามารถอยู่ในอุณภูมิห้องได้นาน 24 ชั่วโมง ก่อนถูกเปิดใช้งาน โดย CureVac คาดว่าพวกเขาจะสามารถรู้ว่า วัคซีนของพวกเขาจะมีประสิทธิผลเท่าไหร่ ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ โดยพวกเขาได้ใช้อาสาสมัคร ในการทดลองจำนวน 40,000 ราย ในลาตินอเมริกาและยุโรป
โดยหากเปรียบเทียบจำนวนวัคซีน 8 พันล้านโดส Pfizer จะมีต้นทุนในการผลิตอยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 7.2 แสนล้านบาท) Moderna ที่ 9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.8 แสนล้านบาท) และ CureVac ในราคาเพียง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.3 แสนล้านบาท) โดย CureVac หวังว่าประเทศยากจน จะสามารถเข้าถึงวัคซีน ที่มีราคาถูกกว่าเจ้าอื่นของพวกเขาได้
อ้างอิงจาก
https://www.nytimes.com/2021/05/28/science/curevac-vaccine-coronavirus-results.html
#Brief #TheMATTER