ไทยจะมีวัคซีนทางเลือกให้ได้ฉีดทันรับมือกับเชื้อกลายพันธุ์เดลตาหรือไม่ หลังจากที่มีรายงานว่า รัฐบาลไม่สามารถติดต่อ Johnson & Johnson ได้ อีกทั้ง ผู้บริหาร รพ.ธนบุรีบอกว่า รัฐบาลยังไม่เซ็นสัญญา Pfizer กับ Moderna เลย
คำถามที่ประชาชนหลายคนสงสัย ต่อสถานการณ์การหาวัคซีนทางเลือกในไทย ว่าอาจมาไม่ทันไตรมาสที่ 4 กำลังมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (30 มิถุนายน) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลไม่สามารถติดต่อกับ บริษัท แจนเซ่น ซีแลค จำกัด ได้ โดยตัวเองคาดว่าทางบริษัทผู้ผลิตวัคซีนอาจเกิดปัญหา
กระแสความไม่แน่นอนของวัคซีนทางเลือก ดูเหมือนจะถูกซ้ำเติมลงไปอีก เพราะเมื่อเช้าวันนี้ (2 กรกฎาคม) นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริษัทธนบุรี เฮลแคร์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ THG ให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ระบุว่า ทางเครือโรงพยาบาล พร้อมจัดหาวัคซีนมาฉีดให้แก่ประชาชน ติดเพียงแต่ว่า ภาครัฐไม่ยอมเซ็นสัญญากับบริษัทผู้ผลิตให้ โดยให้เหตุผลว่าต้องเป็นการซื้อแบบรัฐต่อรัฐ
นพ.บุญกล่าวว่า ทางเครือโรงพยาบาล มีความสนิทสนมกับทางบริษัท Pfizer และ Moderna อยู่แล้ว จึงได้โทรศัพท์ไปติดต่อสอบถามว่า เพราะเหตุใดประเทศไทยถึงได้วัคซีนล่าช้า ต่างจากประเทศอื่นๆ ในอาเซียน โดยทางบริษัทให้คำตอบกลับมาว่า “ไทยไม่ยอมเซ็นสัญญา”
ทาง Pfizer และ Moderna ยังให้คำตอบแก่ นพ.บุญ ตั้งแต่ขั้นตอนการเซ็นสัญญาซื้อขาย ไปจนถึงการจัดส่งวัคซีนอีกว่า เมื่อทำการเซ็นสัญญาซื้อขายวัคซีนแล้ว ทางบริษัทจะใช้เวลาอีกประมาณ 4 เดือนในการจัดส่งวัคซีน ไปยังประเทศที่สั่งซื้อ นพ.บุญกล่าวอีกว่า หากไม่ติดเงื่อนไขที่รัฐบาลไม่ลงนามสั่งซื้อ เครือโรงพยาบาลธนบุรี พร้อมสั่งซื้อ Pfizer และ Moderna จำนวน 50 ล้านโดส ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2563 และฉีดให้ประชาชน ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2564
หากอ้างอิงจากวันเวลา ที่องค์การเภสัชกรรมระบุว่า ทางการไทยจะทำการลงนามสั่งซื้อวัคซีนของ Moderna ในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ.2564 โดยองค์การเภสัชกรรมจะส่งร่างสัญญาซื้อขายดังกล่าว ไปให้อัยการสูงสุดพิจารณาก่อน ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลของทาง Pfizer และ Moderna ถึงเรื่องเวลาหลังลงนามสัญญาซื้อขาย ไปจนถึงการจัดส่งเป็นเวลา 4 เดือน จะพบว่า ไทยอาจได้วัคซีน mRNA อย่างเร็วที่สุด ในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.2564
นพ.บุญ ระบุว่า ราคาที่เหมาะสมสำหรับวัคซีนโมเดอร์นา คือโดสละ 1,700 บาท จากราคาวัคซีน 1,100 บาท เสริมกับค่าบริการของโรงพยาบาลเอกชน ทั้งนี้ เครือโรงพยาบาลธนบุรี ได้กู้เงินมากว่า 15,000 ล้านบาท เพื่อซื้อวัคซีนผ่านทางองค์การเภสัชกรรม แต่ด้วยความล่าช้าของรัฐบาล เอกชนก็ต้องเสียดอกเบี้ยตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นพ.บุญ ร้องขอไปยังรัฐบาล ให้ออกมาแถลงถึงความชัดเจน ว่าทำไมการสั่งวัคซีน mRNA ถึงได้ล่าช้า ทำไมจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้วัคซีน ทั้งที่วัคซีนแบบ mRNA ของ Pfizer และ Moderna มีประสิทธิภาพดีที่สุด และผลข้างเคียงน้อยสุด โดยในมุมมองโรงพยาบาลเอกชนเองมองว่า ในการระบาดที่ผ่านมานั้น รัฐบาลประมาทเกินไป วัคซีนของ AstraZeneca จะไม่เพียงพอต่อการรับมือการระบาดของ COVID-19 ในไทยได้ จึงขอให้ภาครัฐรีบหาทางออกให้เร็วที่สุด
อ้างอิงจาก
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_2803102
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/946262
https://www.gpo.or.th/view/446
#Brief #TheMATTER