เป็นไวรัสกลายพันธุ์ที่ทั่วโลกต่างกังวล สำหรับ COVID-19 สายพันธุ์เดลต้า ซึ่งแม้แต่ประเทศที่คืบหน้าในการฉีดวัคซีนมากที่สุดอย่างสหรัฐฯ ก็ต้องเตรียมรับมือกับการระบาดระลอกใหม่ โดยล่าสุด ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศตั้งทีมโต้ตอบฉุกเฉินขึ้น เพื่อจัดการกับสายพันธุ์นี้โดยเฉพาะแล้ว
สำหรับทีมโต้ตอบฉุกเฉินจะประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC), กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐ (Department of Health and Human Services) และสำนักจัดการภาวะฉุกเฉินกลาง (FEMA) ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข และคุ้นเคยกับการรับมือกับโรคระบาดเป็นอย่างดี
ฝ่ายบริหารของไบเดนเปิดเผยว่า ได้เริ่มส่งทีมโต้ตอบฉุกเฉินไปยังพื้นที่ที่พบการกระจายของ COVID-19 สายพันธุ์เดลต้าแล้วเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยทีมจะทำหน้าที่ตอบรับความช่วยเหลือ รวมถึงความต้องการด้านสาธารณสุขต่างๆ เช่น เพิ่มจุดตรวจ COVID-19 เพิ่มบุคลากรฉีดวัคซีน ส่งเครื่องมือ และยาที่จำเป็นต่อการรักษาต่างๆ เพื่อให้การควบคุมไวรัสกลายพันธุ์เป็นไปอย่างครอบคลุมที่สุด อีกทั้งยังมีแผนเพิ่มพื้นที่สื่อเพื่อเชิญชวนให้คนออกมาฉีดวัคซีนมากขึ้นด้วย
ขณะที่ทีมภาคสนามถูกส่งไปช่วยเหลือชุมชนต่างๆ รัฐบาลตั้งเป้าจะเพิ่มกำลังฉีดวัคซีนให้มากขึ้น เพราะเชื่อว่าการฉีดวัคซีนคือวิธีที่ดีที่สุดในการหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสทุกสายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้า ที่ตามรายงานของ CDC ระบุว่า ปัจจุบันครองสัดส่วนการติดเชื้อสูงถึง 26% ของผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ และได้กระจายไปกว่า 50 รัฐแล้ว
ด็อกเตอร์โรเชลล์ วาเลนสกี (Dr.Rochelle Walensky) ผู้อำนวยการ CDC เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเมืองมากกว่า 1,000 แห่งในสหรัฐฯ ที่ยังฉีดวัคซีนได้น้อยกว่า 30% โดยเฉพาะทางใต้ของประเทศ และมิดเวสต์ ซึ่งถือเป็นหลุ่มที่เปราะบางที่สุด เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายพันธุ์นี้
เจ็น แปซกี (Jen Psaki) โฆษกรัฐบาล ได้ออกมาเชิญชวนให้ประชาชนออกมาฉีดวัคซีนมากขึ้น โดยกล่าวว่า “หากคุณได้รับวัคซีนแล้ว นั่นแปลว่าคุณปลอดภัย หากคุณยังไม่ได้รับวัคซีน คุณยังตกอยู่ในความเสี่ยง และไม่ได้รับการคุ้มครองที่มากพอ นั่นเป็นเหตุผลที่ทุกคนควรออกไปฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด ไม่มีอะไรซับซ้อนมากกว่านี้”
COVID-19 สายพันธุ์เดลต้าตรวจพบครั้งแรกในประเทศอินเดีย แต่ขณะนี้แพร่กระจายไปแล้วกว่า 96 ทั่วโลก ตามรายงานวิจัยระบุว่า สายพันธุ์เดลต้ามีความสามารถในการแพร่เชื้อมากกว่าสายพันธุ์อัลฟ่า หรือสายพันธุ์อังกฤษถึง 60% นั่นทำให้สหรัฐฯ กังวลว่า ในอนาคตอันใกล้ สายพันธุ์เดลต้าจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในประเทศ และทำให้เกิดการติดเชื้อระลอกใหม่อีกครั้ง
อ้างอิงจาก
https://edition.cnn.com/…/delta-variant…/index.html
https://www.bloomberg.com/…/biden-to-send-response…
https://www.cnbc.com/…/delta-white-house-to-deploy…