หลังจากมีกระแสเรียกร้องให้แบ่งวัคซีน Pfizer ที่ทางสหรัฐฯ บริจาค 1.5 ล้านโดส มาฉีดให้บุคลากรแพทย์เป็นตัวกระตุ้นเข็มที่ 3 ล่าสุด นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษา ศบค. เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติให้บุคลากรทางการแพทย์ ได้รับวัคซีน Pfizer ที่กำลังจะมาจากสหรัฐฯ เป็นวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 แล้ว
นพ.อุดม ได้เปิดเผยถึงแนวทางการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ในประเทศไทย โดยระบุว่า ขณะนี้ได้มีการกำหนดไกด์ไลน์ของการใช้บูสเตอร์โดส โดยเบื้องต้น จะฉีดให้ผู้ที่ร่างกายเปราะบาง มีโรคประจำตัวต่างๆ และผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการไปสัมผัสผู้ติดเชื้อ เช่น บุคคลากรด่านหน้า หมอ และพยาบาล ซึ่งปัจจุบัน มีบุคลากรแพทย์ที่ฉีดวัคซีน Sinovac ครบ 2 เข็มเป็นเวลา 3-4 เดือน ทั้งหมด 7 แสนคน ซึ่งเข้าเกณฑ์ที่จะได้รับการกระตุ้นเข็มที่ 3
ประชุมของ สธ.จึงอนุมัติให้นำวัคซีน Pfizer ที่ได้รับมอบจากสหรัฐฯ มาฉีดให้แพทย์ แต่หากวัคซีนมาช้า ก็จะจัดให้ฉีด Astrazenaca ก่อน เนื่องจากผลวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพการยับยั้ง COVID-19 สายพันธุ์เดลต้ายังอยู่ในเกณฑ์ดี
นพ.อุดม ได้เปิดเผยถึงประสิทธิภาพวัคซีนชนิดต่างๆ ในการป้องกัน COVID-19 สายพันธุ์เดลต้าในปัจจุบัน โดยระบุว่า วัคซีนทุกตัวเมื่อต้องรับมือกับสายพันธุ์เดลต้า พบว่ามีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อลดลง แต่การป้องกันความเจ็บป่วยรุนแรง หรือเสียชีวิตยังสูงอยู่ โดยวัคซีน Pfizer ประสิทธิภาพในการต้านสายพันธุ์เดลต้าลดลงจาก 93% เหลือ 88% แต่ยังป้องกันการเจ็บป่วยได้ถึง 96%
ขณะที่วัคซีน Astrazanaca ประสิทธิภาพในการป้องกันสายพันธุ์เดลต้าลดลงจาก 66% เหลือ 60% ส่วนป้องกันการเจ็บป่วยได้ 92%
ส่วนวัคซีน Sinovac นพ.อุดม บอกว่ายังไม่มีข้อมูลว่าป้องกันการติดเชื้อได้เท่าไหร่ และหากต้องยับยั้งสายพันธุ์เดลต้า ระดับภูมิคุ้มกันน่าจะไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่จากข้อมูลการฉีดในหลายประเทศ รวมถึงในไทย พบว่า การฉีด Sinovac ครบ 2 เข็ม สามารถป้อกันการเจ็บป่วยรุนแรงและป้องกันการเสียชีวิตได้มากกว่า 90%
นพ.อุดม เปิดเผยว่า แม้การฉีดวัคซีนจะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่เมื่อป้องกันการป่วยหนัก หรือเสียชีวิตได้ ก็คุ้มค่าที่จะฉีด เนื่องจากทำให้ผู้ติดเชื้อไม่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล จะช่วยให้เก็บทรัพยากรเตียง และแพทย์ไว้สำหรับเคสที่จำเป็นได้มากมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน กรุงเทพฯ และปริมณฑลกำลังขาดแคลนเตียง ขณะที่บุคลากรด่านหน้าก็ไม่ไหวแล้ว
อ้างอิงจาก
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_6493124
https://www.hfocus.org/content/2021/07/22140