ปัญหาลิ่มเลือดหลังฉีดวัคซีน AstraZeneca น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่นักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญหลายคนสับสนที่สุดว่าเกิดขึ้นจากปัจจัยอะไรกันแน่ แต่ล่าสุด การศึกษาหนึ่งในเยอรมันระบุว่า อาการลิ่มเลือดอาจเกิดจากความผิดพลาดในการฉีดวัคซีน แทนที่จะฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อ แต่กลับฉีดเข้าไปในเส้นเลือดแทน
นักวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมิวนิก (Munich University) ประเทศเยอรมนี และสถาบันวิจัยในอิตาลี ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษานี้ลงในวารสาร bioRxiv โดยระบุว่า การฉีดวัคซีนเข้าไปในเส้นเลือดดำอาจทำให้เกิดกลุ่มอาการโรคเกล็ดเลือดต่ำหลังการฉีดวัคซีน (TTS) หรือ การเกิดภาวะหลอดเลือดอุดตันกับเกล็ดเลือดต่ำ (VITT)
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) ได้อธิบายถึงงานวิจัยชิ้นนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า การฉีดวัคซีนเข้าไปที่เส้นเลือด แทนที่จะเป็นกล้ามเนื้อส่งผลให้ไวรัสในตัววัคซีนเข้าสู่กระแสเลือดไปกระตุ้นให้เซลล์เกล็ดเลือดจับกับอนุภาคของอะดีโนไวรัส (Adenovirus) และกระตุ้นการทำงานของเกล็ดเลือดขึ้นมา
ตัวเกล็ดเลือดที่จับกับไวรัสในวัคซีนสามารถถูกจับกินโดยแมคโครฟาจ (Macrophage) ในม้าม ส่งผลเกิดการกระตุ้นให้ B cell สร้างแอนติบอดีที่จับกับโปรตีนของเกล็ดเลือดได้ออกมา และอาจทำให้เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันได้
ดร.ราชีฟ จายาดีวัน สมาชิกของสมาคมการแพทย์อินเดีย (Indian Medical Association) อธิบายถึงสาเหตุการฉีดวัคซีนที่ผิดพลาดว่า “หากปลายเข็มเข้าไปไม่ถึงกล้ามเนื้อ หรือไปโดนเส้นเลือดแทน วัคซีนก็สามารถหลุดเข้าไปในกระแสเลือดได้ ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นหากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขบีบผิวหนัง ซึ่งตามปกติ การฉีดวัคซีนไปที่กล้ามเนื้อ จะไม่มีการบีบผิวหนัง”
หลังจากนี้คงต้องมีการทดสอบ และศึกษาเพิ่มเติมว่า การฉีดวัคซีนที่ผิดวิธีมีส่วนทำให้เกิดอาการลิ่มเลือดมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้ามันเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอาการลิ่มเลือดจริง ก็หาวิธีแก้ไขได้ไม่ยาก และหลายประเทศที่ระงับใช้วัคซีนตัวดังกล่าวด้วยเหตุนี้ ก็อาจกลับมาพิจารณาใช้อีกครั้ง
อ้างอิงจาก
https://web.facebook.com/photo?fbid=4556569741049579&set=a.123349811038283
https://www.biorxiv.org/…/10.1101/2021.06.29.450356v1…