วัคซีนล่าช้า อาจส่งไม่ตรงตามที่กำหนด แถมยังมีการประกาศเลื่อนคิวฉีดวัคซีน ปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นวัคซีนนั้นยังคงเป็นที่พูดถึงในไทย โดยเฉพาะเมื่อตอนนี้ เรามีวัคซีนหลักเพียง 2 ตัว คือ AstraZeneca และ Sinovac โดยที่เราไม่เคยเห็นสัญญาการจัดซื้อวัคซีนเหล่านี้เลยด้วย
.
โดยล่าสุด วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ได้เดินทางยื่นหนังสือที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติเพื่อทวงถามสัญญาการจัดซื้อวัคซีน ตามที่เคยยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารของราชการเกี่ยวกับสัญญา ข้อตกลง และเงื่อนไขผูกพัน ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อวัคซีน AstraZeneca ที่รัฐบาลไทยทำไว้กับทุกองค์กรโดย ยืนยันว่าเหตุที่ต้องทวงถามเนื่องจากงบประมาณที่ใช้จัดซื้อวัคซีนเป็นเงินภาษีของประชาชน การจัดซื้อควรมีความโปร่งใสและเปิดเผยได้ อีกทั้งจะขอให้มีการเปิดเผยสัญญาการซื้อวัคซีน Sinovac เพิ่มด้วย
.
ส.ส.วิโรจน์เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา สถาบันวัคซีน ทำหนังสือแจ้งกลับมาว่า อยู่ระหว่างดำเนินการตามที่ร้องขอไป แต่นับตั้งแต่วันที่ได้หนังสือแจ้งกลับในวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ก็เป็นเวลา 55 วันแล้ว หรือหากนับตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2564 ที่ได้ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ก็เป็นเวลากว่า 160 วัน แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
.
ไม่เพียงแค่ไทยเท่านั้น ที่มีการทำสัญญากับ AstraZeneca แต่ที่ผ่านมา สหภาพยุโรปก็มีการเปิดเผยสัญญาให้ประชาชนเข้าถึงได้ “เดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา AstraZeneca Thailand สามารถส่งมอบวัคซีนได้เพียง 5,371,100 โดส ซึ่งต่ำกว่าแผนการจัดหาวัคซีน AstraZeneca ที่รัฐบาลได้แจ้งให้กับประชาชนทราบที่ 6,371,100 โดส จึงยังห่างอยู่ถึง 961,900 โดส หรือเกือบหนึ่งล้านโดส ตรงนี้สำคัญมากเพราะหมายถึงชีวิตของประชาชน 961,900 คน
.
“และยังมีข่าวที่ได้รับการยืนยันจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติว่า AstraZeneca Thailand จะเริ่มส่งออกวัคซีนไปยังประเทศต่างๆ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เป็นต้นไป ทำให้ AstraZeneca Thailand ไม่สามารถส่งมอบวัคซีนให้กับรัฐบาลได้ตามแผนการจัดหาวัคซีนเดือนละ 10 ล้านโดส โดยจะส่งมอบวัคซีนได้เพียงเดือนละ 5-6 ล้านโดส เท่านั้น”
.
วิโรจน์ยังชี้อีกว่า การส่งมอบวัคซีนต่ำกว่ากำหนด เป็นการผิดเงื่อนไขการอุดหนุนเงินงบประมาณ 600 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตวัคซีนชนิด Viral Vector แก่บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด “ด้วยเหตุที่รัฐบาลไม่ได้แสดงท่าที ที่จะบังคับสัญญา เพื่อให้ AstraZeneca Thailand ส่งมอบวัคซีน AstraZeneca ให้ได้ตามแผนการจัดหาวัคซีนเดือนละ 10 ล้านโดส จึงทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยว่า รัฐบาลได้ระบุเงื่อนไขดังกล่าวนี้ เอาไว้ในสัญญาหรือไม่” ส.ส.วิโรจน์กล่าว
.
นอกจากวัคซีน AstraZeneca แล้ว ส.ส.วิโรจน์ยังตั้งคำถามถึง การสั่งซื้อวัคซีน Sinovac ของรัฐบาล ที่แม้จะมีข้อมูลเรื่องประสิทธิภาพที่ไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์เดลตาได้ แต่รัฐบาลยังคงจะจัดซื้ออีก 28 ล้านโดส และต่อมาได้มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ซึ่งเชื่อว่าเป็นการอนุมัติให้จัดซื้อวัคซีน Sinovac เพิ่มเติมอีก 10.9 ล้านโดส ด้วยวงเงินงบประมาณสูงถึง 6,111.412 ล้านบาท โดยคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายต่อโดสอยู่ที่ 560.68 บาท
.
ทั้งเขามองว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดซื้อวัคซีน Sinovac ซึ่งเป็นวัคซีนที่ยังไม่มีงานวิจัยที่ทำอย่างเป็นระบบ ที่ยืนยันได้ว่ามีประสิทธิผล และมีความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อกลายพันธุ์ ไปแล้วถึง 18.5 ล้านโดส ใช้งบประมาณที่เป็นเงินภาษีของประชาชนไปแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท และหากยังคงปล่อยปละให้รัฐบาลจัดซื้อวัคซีน Sinovac เพิ่มเติมอีก 10.9 ล้านโดส ก็ต้องใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มอีกกว่า 6,000 ล้านบาท และหากจัดซื้อตามแผนการจัดหาเพิ่มเติมอีก 28 ล้านโดส ก็ต้องใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มอีกกว่า 15,000 ล้านบาท
.
“เพื่อความโปร่งใส และทำให้ประชาชนมั่นใจว่า การจัดซื้อวัคซีนของรัฐบาล มีความซื่อสัตย์สุจริต ปราศจากการทุจริต คอร์รัปชั่น ผมจึงได้ทำหนังสือ เพื่อยื่นความประสงค์ ในการขอหนังสือสัญญา และเอกสารทั้งหมดที่เป็นเงื่อนไขในการจัดหา การจัดซื้อ การส่งมอบ ราคา ตลอดจนข้อกำหนด และเงื่อนไขผูกพันต่างๆทั้งหมด ที่รัฐบาลได้ทำไว้กับทุกองค์กร ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหา และจัดซื้อ วัคซีน AstraZeneca และวัคซีน Sinovac ในวันนี้” วิโรจน์สรุป
.
.