“ภาพที่ทรงคุณค่าที่สุดคือ ภาพที่ทำให้คนตระหนักถึงสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเห็นได้อย่างประจักษ์ชัดที่สุด” จอห์น ทูคี นักคณิตศาสตร์และนักสถิติชาวอเมริกันชื่อดังเคยกล่าวไว้ นี่อาจเป็นนิยามการทำข้อมูลภาพหรือ Data Visualization ที่ตรงที่สุด เพราะการทำข้อมูลภาพที่ดีจำเป็นต้องทำให้คนรับรู้และเข้าใจสิ่งที่กำลังเป็นไป ตลอดจนตัดสินใจจัดการสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
ทุกวันนี้เราต้องเสพข้อมูลมากมาย หนึ่งในนั้นหนีไม่พ้นข้อมูลสรุปสถิติผู้ติดเชื้อรายวัน ซึ่งไม่ใช่แค่การเห็นตัวเลขแล้วจบไป แต่ยังนำมาสู่การเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามประกาศต่างๆ ที่ตัดสินใจอิงจากข้อมูลดังกล่าว นี่จึงเป็นโจทย์หลักของนักสื่อสารว่าจะถ่ายทอดข้อมูลซับซ้อนอย่างไรให้คนเห็นแล้วรู้สึกว่าตัวเลขเหล่านี้คือเรื่องสำคัญและต้องหาทางออกที่เมกเซนส์
ทำไม Data Visualization ถึงสำคัญในการนำเสนอข้อมูลสถิติ โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องตัดสินใจท่ามกลางสถานการณ์สำคัญ นั่นก็เพราะ เรารับรู้ผ่านการมองเห็น visual ต่างๆ ได้ก่อน และแปรข้อมูลได้ไวกว่า
ธรรมชาติคนเรามักรับรู้ทุกสิ่งผ่านประสาทสัมผัสเป็นอันดับแรก ก่อนจะส่งต่อไปยังสมองให้ช่วยกรองและวิเคราะห์ต่อไป ซึ่งเรียกว่า Pre-attentive processing ถือเป็นขั้นตอนเก็บข้อมูลขั้นแรกสุดในระดับจิตใต้สำนึก ที่สำคัญ การรับรู้ผ่านการมองเห็นนับเป็นการรับรู้ทรงอิทธิพลมากที่สุด มากกว่าการสัมผัส 10 เท่า และดีกว่าการได้ยินหรือได้กลิ่นมากกว่า 100 เท่า ทันทีที่ดวงตารับภาพก็จะส่งข้อมูลไปยังสมองภายใน 200-500 มิลลิเซคกอน ซึ่งถือว่าเร็วกว่าสมองทำการประมวลผลข้อมูลในสเปรดชีต
แล้วเราควรแปรข้อมูลยากๆ ให้เข้าใจง่าย ทำให้คนรู้สึกถึงความสำคัญได้อย่างไร
คำตอบจึงอยู่ที่การจัดลำดับองค์ประกอบศิลป์ ไม่ว่าจะเป็นขนาด คอนทราสต์ ตำแหน่งจัดวาง พื้นที่สีขาว และสี โดยองค์ประกอบสุดท้ายถือว่าสำคัญไม่น้อย เพราะการเน้นสีตรงข้อมูลที่ควรเน้นบ่งบอกถึงลำดับความสำคัญที่ช่วยทำให้รู้ว่าควรทำอะไรต่อไป ซึ่งเป็นมากกว่าความสวยงามเท่านั้น
วิธีสื่อสารข้อมูลภาพเพื่อให้คนเห็นถึงความสำคัญของสิ่งที่นำเสนอนั้น จึงต้องเลือกใช้สีที่สื่อความรู้สึกตรงกับการรับรู้ของคน หากอิงตามหลักจิตวิทยาในการใช้สีสำหรับออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้งานในแพลตฟอร์มออนไลน์แล้ว อาจนิยามความหมายสีต่างๆ ได้ ดังนี้
กลุ่มสีหลักที่ใช้เป็นประจำ
สีแดง – กระตุ้นหรือเร่งเร้าความรู้สึก คล้ายกับเร่งปฏิกิริยาร่างกายให้พุ่งสูง ใช้สื่อสารเรื่องเร่งด่วน หรือถ่ายทอดเรื่องราวเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกแรงกล้า
สีฟ้า – ปลอบประโลมให้สงบ เย็นใจ และเชื่อมั่น ใช้สื่อถึงความปลอดภัย น่าเชื่อถือ เอาอยู่ทุกสถานการณ์
สีเหลือง – ปลุกความสดใสและอบอุ่น มักนำมาใช้กับการวางเลย์เอาต์โฆษณาหรือ CTA กระตุ้นให้คนกดซื้อของ แต่ถ้านำมาใช้พร่ำเพรื่อก็อาจเปลี่ยนโหมดทำให้รู้สึกกังวลได้เช่นกัน
กลุ่มสีรองที่ใช้เสริมหรือลดความเข้มข้นของ message
สีเขียว – ธรรมชาติและความอุดมสมบูรณ์ ใช้สื่อถึงความสมดุล ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เร่งรีบ
สีม่วง – สะท้อนความซื่อสัตย์ภักดี ใช้สื่อถึงความคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหา หรือนำเสนอเรื่องราวของความมั่งคั่ง ความเคารพ และความฉลาด
สีดำ/สีขาว – นับเป็นสีทรงพลังทั้งคู่ มักใช้สื่อถึงอำนาจ ความแข็งแกร่ง และความมั่นคง รวมทั้งเป็นสัญลักษณ์ของความฉลาด
สีเทา – สะท้อนถึงความลึกลับและจุดไม่สิ้นสุด ใช้สื่อถึงอารมณ์หดหู่ สิ้นหวัง และว่างเปล่า
นอกจากนี้ Data Visualization ที่ดี ควรเลือกวิธีใช้สีให้ตรงกับจังหวะนำเสนองานแต่ละแบบ หากงานเน้นความต่อเนื่องของข้อมูลควรใช้สีเดียว หรือหากต้องการเปรียบเทียบข้อมูลก็ควรใช้สีตัดกัน ยิ่งถ้าต้องการเน้นส่วนไหนเป็นพิเศษ ก็ควรเลือกใช้สีของข้อมูลส่วนนั้นให้โดดจากภาพรวม
ในขณะเดียวกัน ควรเลี่ยงใช้โทนสีใกล้เคียงกันสำหรับงานข้อมูลภาพที่ต้องการเปรียบเทียบข้อมูลแต่ละส่วน เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนและรวดเร็ว รวมทั้งเลี่ยงจับคู่สีบางอย่างเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ผู้ใช้งานตาบอดสีอ่านข้อมูลภาพได้ง่ายขึ้น โดยสีที่ควรเลี่ยงจับคู่กัน ได้แก่ เขียว-แดง เขียว-น้ำตาล ฟ้า-ม่วง เขียว-ฟ้า เขียวอ่อน-เหลือง ฟ้า-เทา เขียว-เทา และเขียว-ดำ
อ้างอิงจาก :
https://www.toptal.com/…/data-visualization-psychology
https://treehousetechgroup.com/the-psychology-behind…/
https://www.uxmatters.com/…/capture-attention-through…
https://visualmatters.com/psychology-colors-data…/
https://infogram.com/…/color-theory-dos-and-donts-for…/
Content by Piyawan Chaloemchatwanit
#Brief #business #TheMATTER