นับตั้งแต่มกราคม-มีนาคม 2024 ในญี่ปุ่น มีผู้บาดเจ็บ 219 ราย และผู้เสียชีวิต 6 ราย จากการโจมตีจากหมี ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่มีการเก็บสถิติมา
ด้วยเหตุนี้ ญี่ปุ่นจึงเริ่มทดลองใช้ ‘ระบบเตือนภัยหมี’ ด้วย AI นำร่องในจังหวัดโทยามะ ระบบนี้จะตรวจจับการเคลื่อนไหวของหมีผ่านข้อมูลแบบเรียลไทม์จากกล้องวงจรปิดทั้งของรัฐบาล เทศบาล และเอกชน
วิธีการทำงานคือ ถ้าหมีมีการเคลื่อนไหวไปในพื้นที่ใกล้ผู้คน ระบบจะส่งคำเตือนไปยังหน่วยงานท้องถิ่น ตำรวจ และคนที่เกี่ยวข้องทันที ไม่เพียงเท่านั้น AI จะศึกษารูปแบบการเคลื่อนไหวของหมี และคาดเดาการเคลื่อนไหวของหมี เพื่อเตือนภัยล่วงหน้าได้อีกด้วย
โดยถ้าหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ ก็จะนำไปใช้ต่อในพื้นที่อื่นๆ ที่มีประชากรหมีจำนวนมากเช่นเดียวกัน อย่างตอนนี้มีการนำไปใช้ทดลองในเมืองฮานามากิ โดยติดตั้งกล้องกว่า 30 ตัวริมแม่น้ำที่มุ่งหน้าสู่เมือง เมื่อตรวจจับหมีใกล้แม่น้ำ ก็จะส่งแจ้งเตือนไปยังสถานีเฝ้าระวังและผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณนั้น โดยเมืองจะมีมาตรการป้องกันไม่ให้หมีเข้ามาโดยไม่ต้องฆ่าพวกมัน
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การที่หมีออกมาโจมตีผู้คนมากขึ้นแบบไม่เคยเป็นมาก่อน มาจากการที่อาหารหลักของพวกหมีขาดแคลน ในขณะที่จำนวนหมีกลับมีเพิ่มมากขึ้น หมีจึงต้องดิ้นรนออกมาหาอาหารในพื้นที่ที่มีคนอาศัยอยู่
ด้วยปัญหาที่คนเผชิญเป็นวงกว้างนี้ NHK (สถานีโทรทัศน์ของญี่ปุ่น) จึงได้ออกอากาศแนะนำวิธีการปฏิบัติเมื่อเจอหมี คือพกสเปรย์ไล่แมลงไปด้วย และอย่าสบตาหมี หรือพยายามหนี
จากปัญหานี้ นักอนุรักษ์ได้เรียกร้องให้แก้ไขปัญหาโดยการหาทางเพิ่มปริมาณอาหารหลักของหมีให้เพียงพอ และสร้างพื้นที่ให้อาหารหมีที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้หมีเข้าไปในพื้นที่ที่คนอาศัย
และสำหรับในประเทศไทย ความเชื่อที่ว่า ‘เจอหมีให้แกล้งตาย’ นั้นก็อาจใช้ไม่ได้ในชีวิตจริง ซึ่งสัตวแพทย์ยืนยันว่าถึงจะนอนนิ่ง แต่ในเมืองร้อน หมีก็จะได้กลิ่นเหงื่อกลิ่นตัวของเรา และจะกัดหรือกระชากเราอยู่ดี วิธีที่ดีที่สุดจึงเป็นการตั้งสติและหนีให้เร็วที่สุด
อ้างอิงจาก