#ลูกค้าเราต้องได้กินเบอร์เกอร์ แฮชแท็กแคมเปญเล็กๆ จาก KFC กลายเป็นที่สนใจและได้รับการพูดถึงในกลุ่มชาวโซเชียลหลังปล่อยคอนเทนต์ออกมาเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2564 หากพูดถึงแบรนด์ที่สร้างคอนเทนต์การขายให้น่าจดจำ หนึ่งในนั้นก็ต้องมีเพจแบรนด์ไก่ทอดผู้พันอยู่แล้ว สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ทำไมคอนเทนต์หยิกแกมหยอกแบรนด์คู่แข่งถึงไวรัลและสร้างการมีส่วนร่วม (engagement) ได้เสมอ
บรรดาแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดทั้งในและต่างประเทศก็มีการทำคอนเทนต์แนว Poke Fun Ads แซวกันไป ขิงกันมาบ้างเรื่อยๆ หากมองในแง่ส่วนแบ่งการตลาด ก็อาจเป็นเพราะสินค้าในเครือและกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ไม่ได้หนีห่างกันขนาดนั้น แต่อีกมุมหนึ่งก็ถือเป็นการสร้างการรับรู้และมีส่วนร่วมให้กับกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ได้มากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการทำคอนเทนต์ในสื่อโซเชียล
จึงไม่แปลกเลยที่ Poke Fun Ads จะได้รับความสนใจเสมอมา โดยแคมเปญ #ลูกค้าเราต้องได้กินเบอร์เกอร์ มีการสื่อสารที่ทำให้เห็นว่าการแซวแบรนด์คู่แข่งยังสร้างสีสันให้กับกลุ่มคนรักไก่ทอด แฮมเบอร์เกอร์ และเฟรนช์ฟรายได้ทุกเวลา
- เมกฟันตัวเองก่อน
KFC เปิดเรื่องด้วยการขออภัยชาวเชียงใหม่และชาวลำปางที่เบอร์เกอร์ของร้านหมดในช่วง 3 วัน (9–11 กรกฎาคม พ.ศ.2564) ก่อนจะส่งไม้ต่อให้ร้านเบอร์เกอร์อย่าง McDonald’s และ Burger King ดูแลลูกค้า ฟังดูเหมือนเป็นประกาศแจ้งความไม่สะดวกในการให้บริการทั่วไป หากแต่ประกาศดังกล่าวกลับให้ความรู้สึกผ่อนคลายและดูเป็นเรื่องขบขันแบบน่ารักๆ แทน เมื่อมีการอ้างถึงแบรนด์คู่แข่งเข้ามาตอนท้าย แคมเปญนี้จึงกลายเป็น Poke Fun Ads ที่ไม่ได้เมกฟันกับแบรนด์อื่น แต่ดันเล่นตัวเองแทน ซึ่งช่วยเรียกการมีส่วนร่วมจากชาวโซเชียลได้ไม่น้อย
- แซวแบบแฝงการบอกต่อ (endorsement)
หากพูดถึง KFC แน่นอนว่าเราต้องนึกถึงไก่ทอดเป็นอันดับแรก การสร้างแคมเปญ #ลูกค้าเราต้องได้กินเบอร์เกอร์ จึงเหมือนเป็นการช่วยโปรโมตแบรนด์คู่แข่งอย่าง McDonald’s และ Burger King ทางอ้อม ในขณะเดียวกัน ก็สร้างบทสนทนาในกลุ่มลูกค้าให้พูดถึงแบรนด์ในเชิงบวกมากขึ้น เพราะคอนเทนต์สะท้อนให้เห็นถึงการช่วยเหลือกันในช่วงที่หลายคนอาจต้องเสพคอนเทนต์จริงจังอย่างหนัก และกำลังมองหาที่พักสายตาหรือคอนเทนต์เบาๆ สำหรับช่วงเวลาขณะนั้น
- ส่งต่อ DNA อารมณ์ขัน ท่ามกลางบรรยากาศลบๆ
เมื่อพูดถึงเพจแบรนด์แล้ว เรามักสัมผัสและรับรู้ตัวตนของแบรนด์เสมือนคาแร็คเตอร์หรือคนคนหนึ่ง เราจึงไม่ได้อยากรู้จักแค่สินค้าที่แบรนด์ขาย แต่ยังต้องการคอนเทนต์ที่มีหัวข้อหรือแนวคิดบางอย่างให้พูดถึงหรือมีส่วนร่วมได้ โดยเฉพาะในช่องทางสื่อโซเชียลที่เอื้อให้มีการโต้ตอบได้ทันที เช่นเดียวกัน แคมเปญนี้ก็ทำหน้าที่พูดคุยกับกลุ่มลูกค้าของตัวเองได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือน้ำเสียงในการสื่อสารของแอดมินเพจ ซึ่งทำให้คนรับรู้ถึงอารมณ์ขันที่แฝงอยู่ในนั้น ยิ่งปล่อยคอนเทนต์ออกมาในช่วงที่หน้าฟีดส์เต็มด้วยประเด็นข่าวร้อนแรงมาทั้งวันแล้ว จึงถือเป็นจังหวะที่ดีที่ทำให้เราได้ผ่อนคลาย เหมือนหันมาคุยกับเพื่อนอีกคนในอีกหัวข้อ (topic) นึง
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์ที่ทำให้เห็นว่า Poke Fun Ads ยังคงขายได้เสมอ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าจะใช้เรื่องราวที่ผูกโยงกับสภาพแวดล้อมรอบข้างอย่างไร สื่อสารด้วยท่าทีแบบไหน และปล่อยออกมาเมื่อไหร่ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพูดคุยได้ในวงกว้าง
อ้างอิงจากข้อมูลจาก