แม้จะล็อกดาวน์มานานกว่า 1 สัปดาห์ แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตก็ยังไม่ลดลง รัฐบาลจึงพิจารณาเพิ่มระดับความเข้มงวดของมาตรการต่างๆ โดยปรับเพิ่มจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มเป็น 13 จังหวัด จำกัดการเดินทางของประชาชน และขยายเวลาเคอร์ฟิวเพิ่มอีก 14 วัน
เช้าวันนี้ (18 กรกฎาคม) ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ข้อกําหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 28) เพื่อยกระดับล็อกดาวน์ เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัส COVID-19 และการบังคับใช้อย่างจริงจังเพิ่มเติมขึ้น โดยรายละเอียดมาตรการคร่าวๆ มีดังนี้
- ปรับระดับสีพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) เป็น 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา (เพิ่มใหม่) ฉะเชิงเทรา (เพิ่มใหม่) ชลบุรี (เพิ่มใหม่) ยะลา สงขลา นราธิวาส และปัตตานี
- การลดและจํากัดการเคลื่อนย้ายการเดินทาง ให้ประชาชนในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกเคหสถาน สําหรับการเดินทางในกรณีที่จําเป็น เช่น ซื้ออาหาร ยาหรือเวชภัณฑ์ การเดินทางเพื่อพบแพทย์ การรักษาพยาบาล การรับวัคซีนป้องกันโรค หรือมีความจําเป็นทำงานที่ไม่สามารถปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งได้ สามารถทำได้ แต่ต้องปฏิบัติตามาตรการป้องกันโรค
- กําหนดพื้นที่ห้ามออกนอกเคหสถานเพิ่มเติม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ห้ามคนในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ออกนอกบ้านระหว่างเวลา 21.00- 04.00 น. ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วันนับแต่วันที่ข้อกําหนดฉบับนี้
- การขนส่งสาธารณะ จํากัดจํานวนผู้โดยสารที่ใช้บริการไม่เกิน 50% ของความจุผู้โดยสาร สําหรับยานพาหนะแต่ละประเภท รวมทั้งจัดให้มีการเว้นระยะห่างและการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยพิจารณาจัดการให้บริการขนส่งสาธารณะให้เพียงพอต่อความจําเป็นในการเดินทางของประชาชน
- สำหรับมาตรการสั่งปิดกิจการใดๆ ให้อำนาจผู้ว่ากรุงเทพฯ หรือผู้ว่าราชการจังหวัดกำเนินการ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อ กรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
สำหรับบริการต่อไปนี้ ให้เปิดตามเงื่อนไขที่ไขที่กำหนด
– ร้านอาหาร/เครื่องดื่ม เปิดไม่เกิน 20.00 น. ห้ามนั่งกินในร้าน ให้บริการได้เฉพาะซื้อกลับบ้านเท่านั้น
– ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า เปิดให้บริการได้เฉพาะแผนกซูเปอร์มาร์เก็ต แผนกยาและเวชภัณฑ์ การให้บริการฉีดวัคซีนหรือบริการทางการแพทย์ โดยให้เปิด ได้ไม่เกิน 20.00 น.
– โรงแรม ให้เปิดดําเนินการได้ตามเวลาปกติ โดยให้งดกิจกรรมจัดการประชุม การสัมมนา หรือการจัดเลี้ยง
– ร้านสะดวกซื้อ และตลาดสด เปิดได้ไม่เกิน 20.00 นาฬิกา สําหรับร้านสะดวกซื้อที่ตามปกติเปิดให้บริการในช่วงเวลากลางคืน ให้ปิดให้บริการในช่วง 20.00-04.00 น.
– โรงเรียน สถาบันการศึกษาหรือฝึกอบรม และสถานศึกษาต่าง ๆ ให้ปฏิบัติตามมาตรการ ที่ได้ประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้
– สำหรับโรงพยาบาล ร้านขายยา ร้านค้าทั่วไป โรงงาน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกรรมการเงิน ธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ไปรษณีย์ ร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ ร้านขายยา ร้านจำหน่ายเครื่องมือช่าง ร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็น สถานที่จำหน่ายแก๊สหุงต้ม ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส รวมทั้งบริการส่งสินค้าและอาหารตามสั่ง (delivery online) เปิดดำเนินการได้ตามความจำเป็น โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด
- ห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวมากกว่า 5 คน
- การปฏิบัติงานของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ ให้หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดพิจารณาให้ Work From Home ให้มากที่สุด
มาตรการดังกล่าวมีผลบังคับให้ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคมเป็นต้นไป ยกเว้นมาตรการขนส่งสาธารณะที่ให้มีผลบับคับใช้วันที่ 21 กรกฎาคม
สำหรับรายละเอียดเต็มๆ ได้เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/…/2564/E/160/T_0001.PDF
อ้างอิงจาก
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/…/2564/E/160/T_0001.PDF
https://www.thairath.co.th/news/politic/2143246
https://mthai.com/news/covid-19/183231.html